เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ 21 ตุลาคม 65 ที่สภปากเกร็ด พ.ต.ท.พชต วงศ์ วงประนุต รองผู้กำกับ หัวหน้างานสอบสวน สภปากเกร็ด กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องตรวจสอบการเบิกจ่ายปืนย้อนหลังไปหลายปีว่าใครเบิกจ่ายไปบ้าง ยอดปืนที่หายยังไม่ชัดเจนว่าหายไปเท่าไร แต่เมื่อคืนมีคนนำมาทิ้งไว้ที่สโมสรตำรวจจำนวน 31 กระบอก ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ รายละเอียดในการเปิดเผยมากกว่านี้คงจะไม่ได้เพราะจะเสียรูปคดี
ขณะที่พนักงานสอบสวนสภปากเกร็ดได้นำตัวดาบตำรวจชวลิตทุ่งขจรมาสอบสวนเป็นเวลาเครียดนานกว่า 2 ชั่วโมงโดยดาบตำรวจเชาวลิตเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยอมรับว่าตนได้นำอาวุธปืนจากถังเก็บของสภ. ปากเกร็ดออกไปจริงโดยไม่ได้นำไปขายส่วนมากจะนำไปจำนำเพื่อนำเงินใช้จ่าย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่มีการกล่าวว่าติดการพนันนั้นจริงหรือไม่ดาบตำรวจชวลิตย่อมรับว่า มีบ้างที่ตนนำเงินไปเล่นการพนันในบางครั้งแต่ก็ไม่ถึงกับติด ไม่ยอมรับสารภาพทุกอย่างที่นำปืนหลวงออกไปในครั้งนี้ โดยหลังการสอบปากคำ เสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวดาบตำรวจเชาวลิตส่งไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี ในช่วงบ่ายนี้
ขณะที่ร้อยตำรวจโทนพดล ปัญญาค รองสารวัตรจราจร สภ.ปากเกร็ดนายตำรวจรุ่นพี่โรงเรียนพลตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวในวันนี้ตนเองก็ตั้งใจมาเยี่ยมน้องเขา เพราะว่าปกติน้องเขาเป็นคนดี นิสัยเรียบร้อยไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุแบบนี้เรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่าเขาคงมีความจำเป็น จึงได้ทำลงไป
ส่วนประเด็นที่ว่าจะมีการค้นเป้าหมาย 9 จุดในเขตนครบาลและนนทบุรีนั้นทางรองผู้กำกับหัวหน้างานสอบสวน เผยว่า คงไม่มีการตรวจค้นแต่อย่างใดในวันนี้ หากมีความพร้อมหรือจำเป็นคงต้องสอบถามจากทางผู้บังคับบัญชาเพื่อความแน่ชัดจะดีกว่า