วันที่ 16 ต.ค.65 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรคและส่วนจังหวัดได้หารือกันจนได้ 8 จังหวัดในการเฝ้าระวังในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ หรือพื้นที่เฉพาะ (Sentinel Surveillance) ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี เชียงใหม่ ตาก อุดรธานี สระแก้ว สงขลา และชลบุรี โดยจังหวัดเหล่านี้เคยมีความเสี่ยงสำคัญ เช่น จังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดชายแดน ฯลฯ ดังนั้น จึงมีความพร้อมรับมือระบาด มีวิธีรับมือ แต่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากที่ตามเฝ้าระวังมา 3 สัปดาห์ใน 8 จังหวัดนี้ ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูง โดยเราเฝ้าระวังเรื่องสายพันธุ์ด้วย ตอนนี้ที่พบยังเป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5 อยู่ ส่วนภาพรวมประเทศไทย ยังอยู่ในขาลง ซึ่งจะต่างจากยุโรปที่เป็นขาขึ้น โดยช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตต่ำ โดยปกติจะมีการระบาดที่ยุโรปก่อนแล้วอีก 2-3 เดือน ก็จะมาถึงบ้านเราที่อาจเกิดปัญหารุนแรง ฉะนั้น เราต้องจับสัญญาณการระบาดให้ได้เร็วที่สุด

นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีที่หลายประเทศมองว่า 3 เดือนสุดท้ายของปี ยังไม่ปลอดภัย การระบาดใหญ่อาจกลับมาอีกครั้งว่า ตอนนี้กำลังจะครบ 3 ปีที่เราอยู่ร่วมกับโควิด-19 ดังนั้น ประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีประสบการณ์ในการจัดการมากขึ้น มีความพร้อมมากขึ้น เช่น มาตรการป้องกัน วัคซีนฉีดมากกว่าร้อยละ 80-90 รวมกับกลุ่มติดเชื้อตามธรรมชาติอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ป้องกันอาการป่วยหนักได้อย่างแน่นอน ลดการเสียชีวิตได้ดี แต่ยังป้องกันติดเชื้อไม่ได้ ซึ่งขณะนี้มีสายพันธุ์ใหม่ XBB ที่สิงคโปร์ก็ออกมายืนยันแล้วว่า จำนวนติดเชื้อเพิ่มจริง แต่ไม่มีนัยความรุนแรงที่มากขึ้น ฉะนั้น หากไวรัสไม่ได้ทำให้ป่วยหนักมากขึ้น เชื่อว่าการจัดการปัญหาไม่ได้เหนือกว่าการจัดการของเรา

"เรารู้วิธีจัดการความเสี่ยง สักพักเราก็จะเริ่มกลับมาสวมหน้ากากอนามัยสม่ำเสมอ ซึ่งตอนนี้เราเน้นในบางกลุ่ม เช่น ผู้ใช้รถสาธารณะ โรงพยาบาล สถานดูแลคนชรา/เด็กเล็ก ฉะนั้น ถ้าเกิดปัญหามากขึ้น เราก็แนะนำการปฏิบัติตัวที่เข้มขึ้น"รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักเริ่มมีกลุ่มเล็กลง จากเดิมที่ไม่มีวัคซีน ต้องเฝ้าระวังทุกกลุ่มตอนนี้เหลืออยู่ในกลุ่มอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโดยเฉพาะคนที่อายุมากกว่า 60 ปี จากที่เคยมีรายงานยังไม่รับวัคซีนเข็มแรกเกือบ 2 ล้านคน ตอนนี้ก็ทยอยมาฉีดแต่ยังมีน้อยมาก สิ่งที่น่าห่วงคือ ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสัปดาห์ล่าสุด พบว่ารายใหม่ 53 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน 28 ราย ดังนั้น คนทั่วไปที่รับวัคซีนแล้ว อยู่ในวัยทำงานก็ไม่มีความกังวลมากเท่ากลุ่มสูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง