ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา ลอเร็ตต้า ลีนน์ จากไปขณะยังหลับอยู่ ในวัย 90 ปี เธอได้รับยกย่องในฐานะราชินีคันทรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง
นามสกุลเดิมของเธอคือ เว็บบ์ เธอเกิดในครอบครัวคนงานเหมืองผู้ยากจนและมีลูกมากถึง 8 คน ในเมืองแวน เลียร์ รัฐเคนทักกี ลีนน์ เคยบอกว่า “เรายากจนแต่ก็มีความรัก” เพราะพ่อของเธอพยายามดูแลครอบครัวอย่างสุดความสามารถ
เธอแต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 15 กับ โอลิเวอร์ ‘ดูลิทเทิ่ล’ ลีนน์ เมื่อมีลูก ทั้งคู่ย้ายไปทำงานเก็บสตรอว์เบอร์รีในวอชิงตัน ลีนน์ มักร้องเพลงระหว่างการทำงานและเลี้ยงลูก ทำให้ โอลิเวอร์ สามีของเธอตัดสินใจซื้อกีตาร์ให้เธอตัวหนึ่งเป็นของขวัญวันครอบรอบแต่งงาน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการแต่งเพลงและร้องเพลงของเธอ
ในปี 1960 ขณะยังอยู่ในวอชิงตัน เธอออกซิงเกิลแรก “I’m a Honky Tonk Girl” เพลงที่เธอใช้เวลาแต่งเพียง 20 นาที หลังจาก ลีนน์ นำเพลงนี้และเพลงอื่นๆที่เธอแต่งออกเล่นในคลับ เจ้าของ ซีโร่ เรคอร์ดส์ สังกัดเพลงอิสระในแคลิฟอร์เนีย ประทับใจและเซ็นสัญญาบันทึกเสียง ออกมาเป็นซิงเกิ้ล “I’m a Honky Tonk Girl” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ ขึ้นไปติดอันดับท็อป 20 บนตารางเพลงคันทรี่ ทั้งๆที่เป็นสังกัดอิสระเล็กๆ
แน่นอน ความโด่งดังนี้ก็นำพาให้บริษัทเพลงใหญ่ทั้งหลายพุ่งเข้าหาสาววัย 17 คนนี้ ในที่สุด เด็คค่า เรอคอร์ดส์ ก็ได้ลายเซ็นของเธอไป จากนั้นชื่อเสียงและเพลงฮิททยอยตามมามากมาย ในปี 1966 ลีนน์ กลายเป็นนักร้องหญิงคันทรีคนแรกที่แต่งเพลงเองแล้วขึ้นอันดับ 1 ด้วยเพลง “You Ain’t Woman Enough (To Take My Man)” ซึ่งในยุคนั้น แทบไม่มีนักร้องคันทรี่หญิงคนใดแต่งเพลงด้วยตัวเอง
ในอาชีพศิลปินบันทึกเสียงเกือบ 6 ทศวรรษ ลีนน์ ออกอัลบั้มและได้แผ่นเสียงทองคำนับไม่ถ้วน มีเพลงฮิตที่กลายเป็นอมตะมากมาย อย่าง "You Ain't Woman Enough (To Take My Man)", "Don't Come Home A-Drinkin' (With Lovin' on Your Mind)", "One's on the Way", "Fist City" และ "Coal Miner's Daughter"
ลีนน์ มีซิงเกิลติดอันดับ 1 มากถึง 24 เพลง และ 11 อัลบั้มอันดับ 1
การแต่งเพลงของ ลีนน์ ไม่เหมือนใครในยุคที่มาก่อน เธอเผยด้านลบของชีวิตครอบครัว, สามีที่สำมะเลเทเมา, ความเจ็บปวด, ความเป็นนักสู้ของผู้หญิง และการบอกเล่าสิ่งที่เห็นรอบตัวอย่างที่มันเป็น บางเพลงของเธอจึงถูกแบนจากสถานีวิทยุอนุรักษ์นิยม เช่น “Rated X” และ “The Pill” แต่นั่นก็ไม่ทำให้การยอมรับในตัวเธอจากผู้ฟังและวงการดนตรีลดน้อยถอยลง
คนที่มีบทบาทเป็นวัตถุดิบสำคัญในเพลงของ ลีนน์ คือ โอลิเวอร์ สามีของเธอเอง ซึ่งมีพฤติกรรมแย่ๆหลายอย่าง ทั้งดื่มจัด, นอกใจ และลงไม้ลงมือกับเธอ ลีนน์ เคยให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ความรักมีมากกว่านั้น ทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกทางกัน จนกระทั่ง โอลิเวอร์ ตายจากไปในปี 1996
ในปี 1976 เธอเขียนอัตชีวประวัติ (ร่วมกับ จอร์จ เว็คซีย์) “Coal Miner’s Daughter” ซึ่งนำมาจากชื่อเพลงดังของเธอ ต่อมาถูกนำไปสร้างเป็นหนังในปี 1980 และ ซิสซี สปาเส็ค ผู้รับบทเป็น ลีนน์ ได้รางวัล ออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครอง ความสำเร็จของ ลีนน์ ยังช่วยปูทางให้น้องสาว 2 คนของเธอก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินดังด้วย คือ เพ็กกี้ ซู ไรก์ท และ คริสตัล เกย์ล
ลีนน์ ได้รับรางวัลเกียรติยศในวงการดนตรีมากมาย รวมทั้งรางวัลจากสถาบันหลัก สมาคมดนตรีคันทรี, สถาบันดนตรีคันทรี่, แกรมมี่ และได้รับการบันทึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศแห่งดนตรีคันทรี
แม้มีวัยที่เพิ่มมากขึ้น ลีนน์ ยังไม่หยุดทำเพลงและออกทัวร์ ในปี 2004 เธอร่วมงานกับ แจ็ค ไวท์ ดาวร็อคหนุ่มรุ่นใหม่แห่งวงอัลเทอร์เนทีฟดัง ไวท์ สไตรป์ส ในอัลบั้ม Van Lear Rose ซึ่งทำให้ทั้งคู่ได้ แกรมมี่ ร่วมกัน
“การทำงานทำให้คุณเป็นหนุ่มสาว” ลีนน์ บอก
แต่ชีวิตการออกทัวร์ในฐานะศิลปินที่ผ่านมา 57 ปีต้องสิ้นสุดลงเมื่อเธอเข้าโรงพยาบาลในปี 2017 จากอาการสโตรค และปีถัดมาเธอหกล้มกระดูกสะโพกหัก ทำให้เธอไม่สามารถออกทัวร์ได้ แต่ช่วงต้นปี 2021 ลีนน์ ในวัย 89 ปี! ยังแต่งเพลงและบันทึกเสียงอัลบั้มหลังสุด Still Woman Enough ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 50 ในอาชีพศิลปินบันทึกเสียง
ลอเร็ตต้า ลีนน์ จากไปในวัยชรา แต่ผลงานของเธอยังไม่จบสิ้นไปด้วย หลายเพลงของเธอยังถูกศิลปินรุ่นใหม่นำมาบันทึกเสียงและออกแสดงอยู่เสมอ สมค่า สมศักดิ์ศรีของราชินีอีกคนในวงการคันทรี