วันที่ 14 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำท่าจีน (หนุนสูง) โดยมีการสั่งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่างๆ เพื่อให้หมั่นตรวจดูระบบต่างๆ ที่ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมรับมือ อาทิเช่น เรื่องการเสริมคันดินให้สูง และารเพิ่มเครื่องสูบน้ำ รวมถึงตั้งวางแนวกระสอบทรายริมตลิ่ง ของหน่วยงานท้องถิ่นฐานะเจ้าของพื้นที่ โดยมี อบจ.สมุทรสาคร เข้ามาร่วมช่วยสนับสนุนดำเนินให้ ตลอดจนให้จับตาดูด้านประตูระบายน้ำตามคลองต่างๆ และคลองโรงหมูซอยวิรุญราษฎร์ ที่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน (ฝั่งตรงข้ามวัดท่าไม้) ซึ่งมีเพียงประตูระบายน้ำ แต่ไม่มีเครื่องสูบ ซึ่งสถานการณ์ในช่วงนี้ที่ระดับแม่น้ำท่าจีนเริ่มสูงขึ้นตามลำดับ ทำให้ทาง อบต.ท่าไม้ ต้องทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้น 2 เครื่อง (ขนาด 8 -10 นิ้ว) เพื่อไว้ไล่สูบน้ำในพื้นที่ให้ออกกลับสู่แม่น้ำท่าจีน พร้อมเสริมแนวกระสอบทรายในจุดที่เป็นทางไล้เข้าของน้ำจากท่าจีนด้วย
ส่วนจุดสำคัญก็คือ ริมแม่น้ำท่าจีน เช่น ในแถบซอยศาลเจ้าอาม้าฯ หมู่ที่ 10 ต.บางยาง ในขณะนี้มี อบจ.สมุทรสาคร ทำการเสริมแนวคันดินเพื่อเพิ่มความสูงไว้แล้ว เพราะช่วยป้องกันน้ำท่วมทะลักเข้าในพื้นที่ได้ทั้งหมด โดยมอบหมายให้ อบต.บางยาง เป็นผู้ติดตามและเฝ้าระวังน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นยังพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง คือ หมู่ 3 ต.ท่าไม้ อบจ.ไล่เสริมเพิ่มความสูงของคันดินตามแนวลำคลองด้วย สลับกับสุมกระสอบทรายมากั้นในบางจุด เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายณรงค์ ได้ลงพื้นที่เพื่อไปเกาะติดตามสถานการณ์ป้องกันน้ำท่วม พร้อมสั่งกำชับองค์กรท้องถิ่น (อปท,) ตั้งรับและป้องกันเหตุให้ให้ ปชช. ใน 2-3 เดือนนี้เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ อาทิเช่น เสริมแนวคันดินในพื้นที่ต่ำ และในแถบตำบลท่าไม้, บางยาง และท่าเสา อ.กระทุ่มแบน และเขต]สวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว เพราะเป็นจุดต่ำสุดที่สามารถรับระดับน้ำทะเลหนุนประมาณ 2.2 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งอาจมีน้ำล้นตลิ่งได้ ในฐานะพื้นที่เสี่ยงที่ต้องระวัง คือเรื่องน้ำทะเลหนุน และปริมาณน้ำฝนหากมีมาก
อย่างไรก็ตามหากมีการน้ำเหนือถูกระบายลงมา หรือจากแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะต้องไล่ระบายลงท่าจีน ก่อนออกทะเลต่อไปแบบรายวันต่อวัน