วันที่ 11 ต.ค.2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำริมเจ้าพระยา ที่มีน้ำหนุนเข้าท่วมบริเวณชุมชนใต้สะพานซังฮี้ ว่า เข้าใจว่า สะพานซังฮี้ มีสองฝั่ง ฝั่งธนคือฝั่งร้านอาหารขนาบน้ำ ซึ่งเราปิดล้อมค่อนข้างดีมีน้ำซึมก็ใช้วิธีการปั้มดูดออก และ ตรงวัดราชผาติการาม ติดปัญหาเรื่องของการเจรจา ก็ได้ล้อมริมถนนเรียงกระสอบทรายทำเป็นที่กั้น แต่อย่างไรก็มีจุดซึมบ้าง อย่างตรงท่าเรือเทเวศร์ เรียงเพิ่มอีก 50 เซนติเมตร ทำให้น้ำไม่ข้ามเข้ามา ริมเจ้าพระยาของเรามีเขื่อนยาวตลอดเป็นจุดแข็งของ กทม. ซึ่งเราพัฒนาเขื่อนมานานก็จะมีจุดฟันหลอบ้าง ส่วนใหญ่จุดที่มีปัญหา ต้องอาศัยความร่วมมือกัน  เช่นตรงวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร มีอยู่ 40 หลังคาเรือน อยู่ด้านนอกของคันกันน้ำ ซึ่งน้ำต้องท่วมอยู่แล้ว  ถ้าเขารู้ว่าน้ำมาเขาก็จะมาอยู่นอกบ้านก่อน ซึ่งตรงจุดอื่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ส่วนเรื่องบิ๊กแบ๊กยังไม่ได้มีการเรียงวางแนว เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปวางแนวไหน ขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ได้คุยกับกรมชลประทานเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเกิดฉุกเฉินขึ้นมาสามารถใช้ได้ทันที ซึ่งภายในบิ๊กแบ๊กจะมีกระสอบทรายใบย่อยๆ หากไม่ได้ใช้ก็สามารถนำเอาออกมาใช้วางเป็นทางเดินในประชาชนได้ กทม.มั่นใจในกรมชลประทาน เพราะคุยกันตลอด แต่เพื่อความปลอดภัย ความมั่นใจ ก็ป้องกันไว้ เผื่อมีฝนตกไว้ในพื้นที่ อย่างน้อยก็ได้มีอุปกรณ์ช่วยเหลือชาวบ้านได้

สำหรับการลอกท่อ ของกรมราชทัณฑ์ อาจจะช้า แต่ก็จะลุยต่อไม่มีปัญหา ให้แต่ละเขตทำแผนไว้แล้วตลอดปี ซึ่งการลอกท่อได้ผลมาก กระแสตอบรับดี ลงไปหลายไปหลายพื้นที่ เช่น ห้วยขวาง ลาดพร้าว เห็นชัดเลย ทุกอย่างดีขึ้น เรามาถูกทางแล้ว ต่อไปก็จะทำโครงการใหญ่ที่พระโขนง สถานีสูบน้ำพระโขนงให้มีประสิทธิภาพขึ้น คือเราไม่ได้ละเลยโครงการใหญ่ แต่เส้นเลือดฝอยทำให้ระบบสมบูรณ์ขึ้น