จากกรณีเมื่อวันที่ 10ต.ค.65 ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ "เรียกข้อยว่า บักหำน้อย" ได้มีการโพสรูปภาพของเด็กนักเรียนและมีข้อความว่า "น่าสงสารหลานสาวเรียน ป.3 วันนี้ต้องเดินออกจากห้องทั้งน้ำตาครูไม่ให้สอบเพราะค้างค่าเทอมคุณแม่ขอร้องว่าเย็นนี้จะหาตังไปจ่ายให้แต่บอกว่าหาตังมาจ่ายค่อยมาสอบ เด็กจำใจต้องเดินออกจากห้องทั้งน้ำตา" ทำให้มีการโต้เถียงในโลกออนไลน์
วันที่ 11ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต. นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบว่าโรงเรียนดังกล่าวได้มีการเปิดการเรียนการสอนและในตอนนี้เด็กๆกำลังอยู่ในช่วงของการสอบเทอมที่ 1 อยู่ บรรยากาศภายในโรงเรียนช่วงเช้ามีผู้ปกครองมาส่งลูกๆหลานๆกันตามปกติ และในช่วงเวลา 9:00 น. คณะผู้บริหารของโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าวได้เข้าร่วมพูดคุยถึงปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้น จึงทำให้ทราบว่าอาจจะมีการสื่อสารที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด โดยใช้เวลาร่วมชั่วโมงทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นได้เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย
จากการสอบถาม นายนิพนธ์ ดีคง อายุ 53 ปี ได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นที่ตนโพสต์เฟสไปนั้น เกิดจากที่ตนได้รับแจ้งจากแม่เด็กว่าเมื่อเช้าของวันที่ 10 ตุลาคมได้ไปส่งนักเรียนซึ่งเป็นหลานเข้าห้องสอบโดยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ห้องธุรการเรื่องการผ่อนผันจ่ายค่าเทอมโดยทางโรงเรียนได้แจ้งว่าถ้ายังไม่มีเงินมาชำระให้มาสอบใหม่ในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับพ่อของเด็กต้องรีบเข้าทำงานจึงได้โทรมายังแม่ของเด็กแล้วทางแม่ของเด็กจึงติดต่อมาทางตนหลังจากตนทราบเรื่องตนจึงรีบมารับหลานโดยได้แจ้งทางห้องธุรการว่าจะรับเด็กกลับบ้าน หลังจากนั้นตนได้เห็นหลานของตนเดินร้องไห้ลงมาจากอาคารชั้นเรียนทำให้ตนหดหู่ร้องไห้ตามไปด้วย และหลังจากนั้นตนจึงได้โพสต์ Facebook เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมและในวันนี้ทางโรงเรียนจึงได้นัดคุยหรือเจรจา หลังจากพูดคุยแล้วผลปรากฏว่ามีการเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการไม่ให้เข้าห้องสอบ โดยทางโรงเรียนนั้นมีนโยบายในการทวงถามค่าเทอมอยู่แล้วแต่นโยบายที่ไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบไม่เคยมีปรากฏเป็นเพียงคำทวงของทางโรงเรียนเท่านั้น และหลังจากพูดคุยอยู่ประมาณ 30 นาที ถึงได้เข้าใจและกราบขอโทษทางโรงเรียนที่ทำไปเพราะเกิดความหวาดระแวงที่เพิ่งเกิดเหตุใหญ่แล้วมานึกถึงเรื่องหลานของตนถ้าในขณะนั้นแว๊บเดียวหลานของตนน้อยใจกระโดดตึกลงมาตนจะทำอย่างไร เบื้องต้นสภาพจิตใจเด็กนั้นหลังจากวันนี้ได้เข้าห้องสอบแล้วก็มีการร่าเริงปกติ
ส่วนทางด้านดร.นเรศ บุญช่วย อายุ 71 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากตนได้เห็นข้อมูลในการโพสต์ Facebook ของผู้ปกครองนั้นตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สอบถามไปยังครูประจำชั้นแล้วส่วนที่เกี่ยวข้องยอมรับว่ามีการทวงถามเรื่องค่าเทอมจริงแต่ไม่มีการสั่งไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้ปกครองและทางโรงเรียนเข้าใจในความคิดของผู้ปกครองและจะนำข้อมูลครั้งนี้ไปปรับปรุงเพื่อเป็นนโยบายต่อไป ส่วนทางด้าน ดร.ศิริลักษณ์ รักษาทรัพย์ ผู้จัดการโรงเรียน ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้ง ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากกรณีดังกล่าวนั้นทางโรงเรียนไม่เคยมีนโยบายเกี่ยวกับการไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด แต่ที่กล่าวแบบนั้นไปคือเป็นการทวงถาม เกี่ยวกับค่าเทอมของเด็กเท่านั้นโดยทางโรงเรียนประสบปัญหาผู้ปกครองค้างชำระค่าเล่าเรียนกับโรงเรียนในปีนึงเป็นจำนวนเงินมาก และทางโรงเรียนได้ทวงผู้ปกครองแบบนี้ทุกคนแต่ยืนยันว่าไม่มีการที่จะไม่ให้เด็กเข้าสอบเด็ดขาดพร้อมกับวอนไปถึงกระทรวงศึกษาธิการให้มารับทราบถึงปัญหาของโรงเรียนเอกชนซึ่งตนเชื่อว่ายังมีโรงเรียนเอกชนอื่นๆที่ประสบปัญหาแบบนี้ด้วยเช่นกัน