เยาวชนสนใจร่วมชมนิทรรศการรูปแบบ Play and Learn งานขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน

งาน Sustainability Expo 2022 (SX 2022) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน (ASEAN’s Largest Sustainability Exposition) ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (SUFFICIENCY FOR SUSTAINABILITY) ได้จัดขึ้นบริเวณชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มีองค์กรเข้าร่วมจัดนิทรรศการกว่า 50 องค์กร หนึ่งในนั้นมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ได้นำนิทรรศการองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริและความสำเร็จด้านต่างๆ จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาจัดแสดง โดยเฉพาะนิทรรศการเคลื่อนที่ในรูปแบบ Play and Learn สื่อและอุปกรณ์มัลติมีเดียแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Multimedia) เป็นการ์ตูนที่ผู้ใช้สามารถควบคุมและเลือกสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ตามความสนใจได้ ทำให้เกิดความสนุกในการเรียนรู้ ด้วยมีรูปแบบที่ง่ายและน่าสนใจเหมาะสำหรับเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ องค์ความรู้ต่างๆ ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในรถยนต์ (Mobile Unit) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนการผลิตสื่อและอุปกรณ์ในการเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ

นายนภัทร เจริญสุข  นักศึกษาชั้นปี 2 สาขาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย แขนงวิชาดิจิทัลมีเดียและแอนิเมชัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก กล่าวหลังรับชมนิทรรศการองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริในรูปแบบมัลติมีเดียแบบนี้ว่า มีความน่าสนใจและเข้าใจง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ดิน การบริหารจัดการน้ำ ตลอดถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและสัตว์น้ำ วิธีการทำให้ระบบนิเวศป่าชายเลนมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้สัตว์น้ำเข้ามาวางไข่ ปู ปลา ได้มีที่อยู่อาศัย เจริญเติบโต เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ สามารถประกอบอาชีพทำประมงได้อย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน “รถยนต์ (Mobile Unit) แบบนี้ถือว่ามีประโยชน์กับเยาวชน ซึ่งแตกต่างจากการเรียนในหนังสือเพราะเด็กบางคนอ่านหนังสืออาจจะเบื่อ แต่ถ้ามาดูนิทรรศการแบบนี้จะทำให้เพิ่มความน่าสนใจ ได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานมากขึ้น”

เด็กหญิงสุภัฏชกุล เจริญกิจชัยชนะ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ บอกว่า จากที่ได้ดูนิทรรศการเคลื่อนที่ในรูปแบบ Play and Learn ซึ่งได้ความรู้เรื่อง “การพัฒนาจากยอดเขา สู่ท้องทะเล” ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ จังหวัดจันทบุรี ทำให้ได้รู้ถึงผลกระทบจากการทำประมงที่ผิดวิธีและได้รู้ถึงวิธีการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล

“ป่าชายเลนกับป่าบกที่ถูกทำลายไป เมื่อได้รับการฟื้นฟูจะมีประโยชน์มาก เช่น พะยูนที่ใกล้จะสูญพันธุ์ก็จะกลับคืนมา เพราะมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ขึ้น มีสัตว์น้ำมากขึ้น เพราะป่าชายเลนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เป็นที่อยู่และขยายพันธุ์ของปู กุ้ง หอย ป่าชายเลนมีประโยชน์ช่วยรักษาระบบนิเวศ ช่วยสร้างแหล่งอาหาร ช่วยกันไม่ให้น้ำทะเลกัดเซาะ การปลูกต้นไม้ช่วยยึดป้องกันไม่ให้ดินพังทลายและป้องกันน้ำท่วม อยากให้เพื่อนๆ เยาวชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไว้ตามแนวพระราชดำริที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแนวทางไว้ให้ ท่านทรงมีความห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เพราะคนไทยจะไม่มีที่ทำกินหากธรรมชาติของประเทศถูกทำลายไปมากกว่านี้” เด็กหญิงสุภัฏชกุล เจริญกิจชัยชนะ กล่าว

จากทฤษฎีการพัฒนาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งดิน น้ำ ป่าไม้ สู่การพัฒนาอาชีพ เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และศูนย์สาขาที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้ช่วยเหลือประชาชนให้หลุดพ้นจากปัญหาการประกอบอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงวางรากฐานแนวทางการพัฒนา ได้ก่อเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างยั่งยืนจวบจนปัจจุบัน

เพื่อขยายผลการรับรู้สู่สังคมอย่างกว้างขวาง 4 องค์กร ประกอบด้วย สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จึงร่วมจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชนขึ้น เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีความรู้ความเข้าใจในแนวพระราชดำริ ในรูปแบบ Play and Learn รถยนต์ (Mobile Unit) ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลในพื้นที่ยากลำบากได้