จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน ก่อเหตุรุมทำร้ายพ่อค้าขายหมูปิ้งริมถนนย่านเพลินจิต และใช้ปืนจ่อยิงแต่ปืนไม่ทำงาน ก่อนที่จะอ้างเป็นเจ้าของพื้นที่เรียกเก็บค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่ยอมจึงถูกรุมทำร้ายเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา 

ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหายซึ่งยังมีรอยบวมช้ำบริเวณดวงตา เข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินีพิสูจน์  โดยผู้เสียหาย เล่าว่าขณะกำลังขายหมูปิ้งอยู่บริเวณดังกล่าว มีกลุ่มชาย 6-7 คน เข้ามาพูดคุยในลักษณะข่มขู่เรียกเก็บเงินค่าเช่าที่ขายของ แต่ไม่ยอมให้ จากนั้นก็ถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งบีบคอ รุมเตะต่อยหลายครั้ง จากนั้นนำปืนมาจ่อยิงและลั่นไก 2 ครั้ง แต่ปืนยิงไม่ออก จึงพยายามวิ่งหลบหนี แต่ก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า หัวแตกเย็บ 4 เข็ม และตามร่างกายหลายแห่ง 

ขณะที่พี่สาวที่ขายน้ำมะพร้าวอยู่ใกล้กัน ก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน ได้รับบาดเจ็บที่ปาก และถูกนำปืนมาจ่อยิงที่ท้องเช่นกัน แต่ปินยิงไม่ออก ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาได้แยกย้ายกันหลบหนี 

ผู้เสียหาย ยังบอกว่า กลุ่มผู้ต้องหาเคยมาเก็บค่าเช่ามาแล้วเดือนละ 1,000 บาท แต่ในช่วงนี้ได้มาเรียกเก็บใหม่เดือนละ 3,000 บาท จึงเห็นว่าแพงเกินไป โดยกลุ่มนี้อ้างว่ามีผู้ใหญ่ในพื้นที่ยกพื้นที่ให้ดูแลแล้ว และก่อนหน้านี้เคยมีตลาดนัด ก่อนที่จะยกเลิกไปเพราะปรับปรุงพื้นที่เป็นสวนสาธารณะ แต่กลุ่มผู้ค้า 4-5 คน ได้มาขายต่อที่ใกล้กับถนนสุขุมวิท เนื่องจากยังมีความจำเป็นต้องหารายได้เลี้ยงลูกที่พิการ และได้ไปขออนุญาตกับการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว ซึ่งทางการรถไฟฯ ก็อนุโลมให้ขายได้ แต่ขอให้รักษาความสะอาดให้เหมือนเดิม

ขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ผู้ที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย เรียกร้องให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมด เพราะถือว่าเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นกลางเมือง มีการนำปินมาข่มขู่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง ทั้งที่บริเวณนี้ไม่สามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่ได้ และยังได้ข้อมูลมาอีกว่า กลุ่มชายเหล่านี้ได้เรียกเก็บค่าคุ้มครองในพื้นที่สุขุมวิท ไปจนถึงทองหล่อมานานแล้ว หากใครไม่จ่ายก็จะโดนข่มขู่

ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า เคยบอกว่าถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ให้จ่ายค่าเช่าพื้นที่ ถ้าไม่จ่ายจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย และได้นำคลิปเสียงไปแจ้งความกับตำรวจสน.ลุมพินี แล้ว ซึ่งตำรวจบอกเพียงว่ายังไม่เกิดเหตุขึ้นจึงยังไม่ได้ดำเนินการอะไร และหลังจากนี้จะตรวจสอบถึง “ผู้ใหญ่” ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างถึงว่าเป็นใคร อีกทั้งยังพูดจาข่มขู่ผู้เสียหายอีกว่า “รู้ไหมยุคนี้เป็นยุคใคร?”

ด้านพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ฝ่ายสืบสวนสน.ลุมพินีพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ก่อเหตุได้แล้ว 4 คน และเก็บหลักฐายที่เป็นซองกระสุน และกระสุน 5 นัด ขณะนี้ได้ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงแล้ว และคาดว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้เร็วๆ นี้

ส่วนประเด็นเรื่องมีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่นั้น เบื้องต้น พบว่าเป็นกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่เหมือนกัน ยังไม่พบว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล