สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมาคมฟุตบอลแห่งอินโดนีเซีย เปิดเผยผลการสอบสวนกรณีเหตุจลาจลในสนามฟุตบอลคันจูรูฮัน เมืองมาลัง จ.ชวาตะวันออก ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ความล่าช้าในการเปิดประตูทางออกของสนามฟุตบอลดังกล่าว ในช่วงที่เกิดจลาจล เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ สมาคมฟุตบอลแห่งอินโดนีเซีย ยังมีคำสั่งห้ามเป็นการถาวร หรือแบนตลอดชีวิตต่อนายอับดุล ฮาริส ประธานคณะจัดการแข่งขันของทีมสโมสรฟุตบอล “อาเรมา เอฟซี” นอกจากนี้ ยังมีผู้ประสานด้านความปลอดภัยของสโมสรฯ อีกรายหนึ่งด้วยที่ถูกแบนตลอดชีวิต

โดยสมาคมฟุตบอลแห่งอินโดนีเซีย ยังระบุด้วยว่า ประตูทางออกของสนาม ควรจะเปิดก่อนจบการแข่งขันประมาณ 10 นาที แต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ปรากฏว่า หลังจบการแข่งขันไปแล้ว 7 นาที ประตูทางออกสนามยังปิดอยู่ ประกอบกับในเวลานั้น มีเจ้าหน้าที่เปิดประตูไม่กี่คน ทำให้ไม่แฟนบอลหนีออกมาไม่ทันเมื่อเกิดจลาจล จนต้องเบียดเสียดแย่งกันออกจากสนาม และเกิดการเหยียบกันขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของอินโดนีเซีย กล่าวแย้งโดยอ้างจากภาพของกล้องวงจรปิดว่า ประตูทางออก 6 ประตู จากจำนวนทั้งสิ้น 14 ประตู ไม่ได้ถูกปิด แต่ประตูแคบมาก สามารถออกได้เพียงคราวละ 2 คน เท่านั้น ทำให้เกิดการเบียดเสียดแย่งกันออกจากประตูและเหยียบกัน จนเกิดโศกนาฏกรรมในที่สุด ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการแข่งขัน