หลังจากลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ถูกผลักดันให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ ท.ท.ช. มีการประกาศพื้นที่พิเศษ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 และได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้มอบหมายให้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เป็นหน่วยงานประสานความร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และชุมชนในพื้นที่ ร่วมกันดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษ
มาร่วมพัฒนาเพื่อยกระดับ-เพิ่มมูลค่า
โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อพท.ได้ใช้ทรัพยากรบุคคล งบประมาณ และอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งด้านการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ผังเมือง การรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การสาธารณสุข การรักษาความสะอาด และความปลอดภัย อีกทั้ง ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมพัฒนาเพื่อยกระดับและเพิ่มมูลค่ากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยมีแผนปฏิบัติการในการบริหารจัดการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนร่วมกัน
สำหรับการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ แห่งนี้ จะเป็นไปเพื่อการยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้กับแหล่งท่องเที่ยว และประชาชนคนในพื้นที่ให้มีมาตรฐานการจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานสากล ตามหลักเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria หรือ GSTC) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ อพท. นำมาใช้กับการพัฒนาเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
รวมทั้งเป็นการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมในการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ตามกรอบความร่วมมือโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย หรือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่นานาชาติ 5 จังหวัด คือ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเชื่อมโยงการพัฒนากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ตามนโยบายรัฐบาล หรือ Southern Economic Corridor (SEC) โดยการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายระดับชาติ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชุมชน กระจายรายได้ และลดช่องว่างทั้งในมิติสังคมและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) จะขับเคลื่อนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ภายใต้การดำเนินงานกว่า 270 โครงการ และกระจายงบประมาณไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อใช้ในการเสนอขอตั้งงบประมาณรวมกว่า 5 พันล้านบาท
นำมาตรฐานพัฒนาสู่ความยั่งยืน
ด้าน นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2566 อพท. จะเริ่มเข้าไปขับเคลื่อนงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยประสานหน่วยงานและภาคีเครือข่าย ให้นำเกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อย่างหลักเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ Global Sustainable Tourism Criteria: GSTC เกณฑ์การท่องเที่ยวโดยชุมชนประเทศไทย หรือ CBT Thailand และมาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism Management Standard: STMS มาพัฒนาและยกระดับให้กับแหล่งท่องเที่ยว ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดย อพท. มีเป้าหมายดำเนินการพัฒนามาตรฐาน และสร้างความน่าสนใจให้กับแหล่งท่องเที่ยวรวมถึงการบริการในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาหลักด้านการท่องเที่ยว หรือ Pain Points โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ได้ตามมาตรฐานของกรมการท่องเที่ยวทั้งในประเภทแหล่งธรรมชาติแหล่งประวัติศาสตร์ และแหล่งวัฒนธรรม เน้นการปรับปรุงและออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสม ปลอดภัยสำหรับทุกคน (Universal design) การขับเคลื่อนในช่วงต้นนี้ จะควบคู่ไปกับการเสนอชื่อเมืองที่มีศักยภาพให้เข้าสู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ซึ่งจะทำให้เห็นภาพการพัฒนาที่ชัดเจน เนื่องจากการคาดการณ์สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศจะเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัว และพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาก็พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ของ 3 จังหวัด คือ สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช จะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-5% เกิดรายได้กระจายลงสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน