รัฐบาล เตรียมเคาะ งบ 2,100 ล้าน จ่ายค่าตอบแทน "อสม.-อสส." ทั่วประเทศสู้โควิด ช่วงมิ.ย.-ก.ย. ขณะที่โควิดไทยติดเชื้อรายใหม่ 655 ราย เสียชีวิต 12 ราย ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อฝีดาษลิงลดลง

     เมื่อวันที่ 25 ก.ย.65 มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุม ครม. 27 ก.ย.นี้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565  งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,100,612,000 (สองพันหนึ่งร้อยล้าน หกแสนหนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน10,577 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,050,306 คน ในอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่มิ.ย.-ก.ย.65 เพื่อเป็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานอสม.และอสส.ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19  ในชุมชน

     ทั้งนี้เพื่อรองรับนโยบายการเปิดประเทศและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระยะ Post - pandemic ที่จะประกาศให้เป็นโรคติดต่อทั่วไปหรือโรคประจำถิ่น (Endermic) ตามมาตรการหลัก 4 ป. สําหรับอสม.ประกอบด้วย 1.การปรับตัวพร้อมรับสถานการณ์ ฉุกเฉินฯ 2.การปรับวิถีชีวิตใหม่ 3.การป้องกันโรค และ4.การดำเนินงานตามมาตรการชุมชน เพื่อให้ชุมชนปลอดภัย รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยปัจจุบัน มีระยะ Post - Pandemic ลักษณะเป็น Small wave โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ส่วนจังหวัดอื่นยังมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อคงตัว

     ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ วันนี้ จำนวน 655 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 655 ราย มาจากต่างประเทศ 0 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 2,454,917 ราย หายป่วยกลับบ้าน 1,032 ราย ทำให้ยอดหายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 2,469,446 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 7,694 ราย และเสียชีวิต 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน จำนวน 32,691 ราย  ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 524 ราย

     สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ล่าสุด นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Monkey pox) ซึ่งยินดีที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และสถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ทั้งในประเทศและทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอปรับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโรคฝีดาษวานร จากเดิมเฝ้าระวังในระดับกระทรวง ปรับลงเหลือเพียงระดับกรม

     รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของพี่น้องชาวไทย โดยได้ติดตามการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งในกรณีของโรคโรคฝีดาษวานร กรมควบคุม กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (Emergency Operations Center: EOC) เพื่อเฝ้าระวังในระดับกรม ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.65 และเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) รัฐบาลได้เตรียมแนวทาง และยกระดับศูนย์ EOC เป็นระดับกระทรวง ส่งผลให้การสั่งการเฝ้าระวังมีความครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

     ทั้งนี้รัฐบาลได้เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรคฝีดาษวานร โดยรัฐบาลได้กำหนดแนวทางการทำงานตอบโต้ต่อสถานการณ์อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งปรับมาตรการและแนวทางการควบคุมโรคให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ทำให้แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยของทั้งสองโรคลดจำนวนลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โรคฝีดาษวานรยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยจำเป็นต้องรายงานและมีการสอบสวนโรค จึงขอให้พี่น้องประชาชน โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยังคงติดตามและรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรต่อไป