วันที่ 24 ก.ย.65 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "นิธิพัฒน์ เจียรกุล" ระบุว่า ...
เมื่อมีเกิดก็ย่อมมีการแตกดับไปเป็นธรรมดา หลายคนคงทราบข่าวการเตรียมสลายตัวของศบค.และพรก.ฉุกเฉินบริหารสถานการณ์โควิด แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราจะต้องเตรียมตัวกันต่อไปในอนาคตข้างหน้า
จากการสำรวจภาวะภุมิคุ้มกันของประชาชนโดยกระทรวงสาธารณสุขช่วงเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. ที่ผ่านมา ในประชากรราวหนึ่งหมื่นสามพันคนทั่วประเทศ พบว่าคนไทยมีภูมิต่อโควิดแล้ว 91% โดยหนึ่งในสามเป็นภูมิจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ ซึ่งภูมิส่วนใหญ่นี้กันตายได้ค่อนข้างแน่ ถ้าประมาณว่าภูมิที่มีนี้กันติดได้สักครึ่งหนึ่งก็จะเหลือราว 45% แต่ในช่วงเดือน มิ.ย. จนถึง ก.ย. นี้ เราน่าจะติดเชื้อกันอีกอย่างน้อยสิบล้านคน ซึ่งอย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าถ้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วติดด้วย ภูมิกันติดซ้ำจะขึ้นดีมากและอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ดังนั้นถึงวันนี้ผมเชื่อว่าคนไทยมีภูมิกันติดไปจนถึงปลายปีนี้กันได้เกิน 70% แล้ว นั่นคือการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ตัวเลขการติดเชื้อขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังตัวกันต่อ ในขณะที่เพิ่มการทำกิจกรรมนอกบ้านกันให้มากขึ้นตามลำดับ การใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะซึ่งแออัดยังมีความจำเป็น อย่างที่เน้นย้ำไปแล้วหลายครั้ง จุดสลบหรืออาจเป็นจุดตาย คือ หากปล่อยตัวกันเกินไปอาจนำมาซึ่งเชื้อสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปมาก (โอกาสเป็นไปได้น้อย) อีกอย่างในปีหน้าที่ภูมิกันติดจะได้เวลาตกลงมาก จึงต้องมีวัคซีนรุ่นใหม่มาช่วยกระตุ้นกันอีก 1-2 เข็ม
เมื่อชีวิตเริ่มกลับเข้าร่องรอยเดิมมากขึ้น คนกรุงเทพคงยกกันออกมานอกบ้านเป็นเงาตามตัว คนต่างจังหวัดก็จะกลับเข้ามาทำงานในเมืองหลวงมากเช่นเดิม การฉีดวัคซีนให้พวกเขาเหล่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ทั้งสถานที่ฉีดและช่วงเวลาที่ฉีด รวมถึงขั้นตอนในการฉีดและสังเกตอาการที่น่าจะลดไปกว่าเดิมได้มาก เพราะจากการที่ฉีดกันมาราว 143 ล้านโด๊ส มีอาการแพ้รุนแรงแค่ 98 ราย โดยราวครึ่งหนึ่งเกิดจากวัคซีนของซิโนแว็ค ซึ่งปัจจุบันมีที่ใช้น้อยเต็มทีแล้ว
เรื่องการพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพอากาศทั้งในที่สาธารณะและในตัวอาคาร เป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในอนาคต เพื่อลดภาระด้านสุขภาพปอด จากโรคติดเชื้อทางการหายใจ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค และโรคอุบัติใหม่จากไวรัสในอนาคต รวมถึงโรคจากมลพิษที่สำคัญคือ PM2.5 โดยจะต้องมีการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุดมศึกษาฯ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงอุตสาหกรรม และอื่นๆ โดยจับมือกับภาคเอกชน เพื่อพัฒนาการผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้เองในประเทศ รวมถึงดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นคงด้านนี้และสร้างรายได้จากการส่งออก
แนวทางในการดึงดูดนักเดินทางจากต่างชาติ นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว ผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมและสัมมนาก็มีความสำคัญในการนำเม็ดเงินเข้าประเทศ โดยเฉพาะการประชุมทางการแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอุตสาหกรรมทางการแพทย์นับว่าได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งส่งเสริมและอำนวยความสะดวก
เช่นเดียวกับการจัดแข่งขันกีฬาระดับโลกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน อย่างเช่นกิจกรรมแข่งรถที่จะเกิดขึ้นที่บุรีรัมย์ในสิ้นเดือนนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันส่งเสริมให้เต็มกำลัง รวมไปถึงเร่งพัฒนากีฬาในประเทศให้ทัดเทียมเขาด้วย เราคงไม่อยากเป็นแค่ผู้จัดแต่ไม่ได้เข้าร่วม หรือเข้าร่วมแต่ต้องขายหน้าเหมือนบอลไทยแพ้ทีมเสือเหลืองเมื่อวาน ฟุตบอลไทยที่ไม่นับฟุตซอลตกต่ำมาต่อเนื่องหลายปี ไม่รู้ทีมบริหารงานนิ่งดูดายกันอยู่ได้อย่างไร น่าเหลียวดูตัวอย่างทีมนักตบลูกยางสาวไทยที่กำลังจะเริ่มแมตช์ชิงแชมป์โลกวันพรุ่งนี้ หวังว่าคงจบด้วยอันดับเลขตัวเดียวให้โลกระบือชื่อหญิงไทยด้านการกีฬา
ขอบคุณโควิดที่ทำให้ผมได้รู้จักและได้ร่วมทำงานกับคนเก่งและคนดีในหลายวงการ ใครจะชังชาติไทยและเที่ยวไปป่าวประกาศผมไม่เคยว่า แต่ผมจะไม่หยุดร่วมมือกับคนส่วนใหญ่ที่รักชาติ เพื่อช่วยกันสร้างบ้านแปงเมืองที่เราหวงแหนมาแต่บรรพบุรุษ กันต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย แม้จะมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจผมในปัจจุบัน
ขอเตรียมไปเที่ยวเล่นกระโดดโลดเต้นตามชายทะเลและป่าเขาแล้ว
#เตรียมพร้อมยุคหลังโควิด