วันที่ 23 ก.ย.65 นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช​ อดีตรมว.การคลัง​ กล่าวว่า​ 1.รู้สึกตกใจและแปลกใจมาก ที่จู่ๆ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รักษาการนายกฯออกมาสั่งไม่ให้เงินบาทอ่อนค่ากว่า 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นคำสั่งที่ไม่มีความรู้ ไม่มีวิชาการ ไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้รายได้ประชาชนลดลง คนตกงานมากขึ้น และรายได้ประเทศ (GDP) ตกลงไปอีก 2.การที่เงินบาท เงินเยน เงินริงกิต และเงินทั่วโลกอ่อนตัวลง ก็เพราะสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยของตนเอง เพื่อลดการผลิตและรายได้ (GDP) ลดการจ้างงาน เพราะเศรษฐกิจเขาร้อนแรงเกินไป ซึ่งมีผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นทั่วโลกตกลง 3.เมื่อผู้นำเราสั่งไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก ก็เท่ากับว่า​ ต้องทำให้เงินบาทแข็งค่าตามเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินบาทจะแข็งค่าเทียบเงินสกุลอื่นๆ​ เกือบทั้งหมด​ในโลก​ จะมีผลให้รายได้จากการส่งออก และการท่องเที่ยวลดลง การหมุนเวียนของเงินภายในชาติลดลง ทำให้การเติบโตของ GDP ที่ต่ำมากอยู่แล้ว ตกต่ำลงไปอีก และคนตกงานจะเพิ่มขึ้นอีก ประชาชนจะย่ำแย่​ลง ประเทศชาติจะไม่มีอนาคต​ ขอย้ำว่าแม้ขณะนี้ ค่าเงินบาทก็ยังแข็งค่าเกินไป ซึ่งแข็งค่ามากกว่าเงินมาเลเซียริงกิตถึง 18.5% เมื่อดูจากปี 2557 ที่ 10 บาทเท่ากับ 1 ริงกิต

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า 4.เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเราขายของได้ดอลลาร์มา จะแลกเงินบาทได้มากขึ้น และขายได้จำนวนมากขึ้นด้วย ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้และมีงานทำมากขึ้น ประเทศจะได้เจริญเติบโตสูงขึ้น ทำให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้ภาษีมากขึ้น ไม่ต้องไปกู้เงินมากมาย มาใช้จ่ายเหมือนปัจจุบัน ซึ่งกำลังจะทำให้ประเทศล่มจม เพราะทั้งหนี้รัฐบาลและหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 150% ของ GDP แล้ว แทบไม่มีเงินเหลือเพื่อการลงทุนแล้ว 5.เมื่อเร็วๆ นี้ ท่าน​ ลีเซียนหลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ได้ออกมาพูดกับประชาชนของเขาว่า การมีผู้นำที่ฉลาด เก่ง ซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อการทำให้ประเทศเจริญเติบโต มีความมั่งคั่ง เป็นประเทศชั้นนำของโลก 6.จึงเป็นเรื่องที่น่าเสีย​ดายมาก ที่ประเทศไทยมีแต่ผู้นำที่มีลักษณะเป็นคนเฝ้าบ้าน​ ขาดสติปัญญา ชอบสั่งส่งเดช​ ประเทศไทยซึ่งเคยอยู่ระดับนำของ ASEAN ในอดีต ปัจจุบันอยู่ในอันดับท้ายๆ แล้ว จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่า พี่น้องประชา​ชนจะมีชีวิตอยู่รอด กันได้อย่างไร