ครอบครัว “น้องโชค” เชื่อในวิถีกระสุน ไม่เชื่อลูกถูกปืนลั่นจนเสียชีวิต ลั่นไม่ขอเผาศพลูกจนกว่าความจริงจะกระจ่าง
เป็นเรื่องราวที่ยังคาใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ และครอบครัวกับเรื่องราวของ “น้องโชค” เด็กชายม.3 ที่อยู่ในห้องเรียน กำลังจะเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ แต่อยู่ดีๆมีเสียงระเบิดดังขึ้น แล้วน้องก็ล้มลงไป และเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีข่าวบอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ โชค เกิดจากคีย์บอร์ดระเบิด ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ออกมาชี้แจงว่าเป็นไปไม่ได้ จึงมีการสอบสวนลึกลงไปอีก พบว่ามีเด็กคนนึงเอาปืนไปที่โรงเรียนแล้วอ้างว่าปืนลั่นไปโดน น้องโชค จนเสียชีวิต แต่ครอบครัวไม่เชื่อ
รายการโหนกระแสวันที่ 15 ก.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัทดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ครอบครัวของ น้องโชค “ทนายโป้ง เกียรติคุณ ต้นยาง” ทนายความเรื่องนี้ และ “แพทย์หญิงคุณหญิงหมอ พรทิพย์ โรจนสุนันท์”สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
จริงไหมที่วิถีกระสุนมันบอกเล่าเรื่องราวได้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “การรวบรวมพยาน หลักฐานทั้งหมด โดยรวมถึงการตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ การรวบรวมพยานหลักฐานรอบๆ แล้วส่งตรวจยังห้องปฎิบัติการ จะตอบได้ สำหรับตัวศพ ไม่ใช่เฉพาะวิถีกระสุน ทั้งหมดจะตอบได้ถ้าเอาข้อมูลทุกอย่างมาประมวลร่วมกัน”
เพราะอะไรถึงไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น น้องโชคกับคนที่มีปืนสนิทสนมกันไหม?
แม่ตั๊ก : “แม่จะสนิทกับเพื่อนน้องโชคที่ไปทำกิจกรรมร่วมกันแค่กลุ่มนั้น แต่คนนี้ไม่มีการกล่าวถึงว่าเป็นเพื่อนสนิท ไม่มีใครทราบเลย”
ยายจ๋า : “ยายจะสนิทกับน้องโชคมากก็ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้เลย”
ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา แล้วตำรวจบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ สองคนนี้เขารักกันมาก เป็นเพื่อนสนิทกัน?
ยายจ๋า : “เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทกันค่ะ”
น้าตั้ม : “ผมจะอยู่ห่างๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีอะไรให้สงสัยหลายอย่างที่มันคลุมเครือ ผมไม่โอเคกับสิ่งที่แถลงข่าวออกมา มันไม่ใช่ มันยังรับไม่ได้”
ตอนที่ข่าวออกมาว่าคีย์บอร์ดระเบิดติดใจ?
แม่ตั๊ก : “ยายจะเป็นคนที่ได้รับข่าวก่อน แต่ว่าตอนนั้นต้องถามคุณยายว่าคุณครูได้แจ้งว่าอะไรก่อน เพราะทันทีที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุกับน้องโชค ก็มีการโทรหาแม่ ซึ่งแม่เพิ่งเลิกงานมาและกำลังนอนพักอยู่ ยายก็บอกว่ามาโรงเรียนด่วนเลย โชคเกิดอุบัติเหตุ แกก็ร้องไห้ คุณก็เลยเข้ามาพูด ครูก็ร้องไห้ ครูบอกว่าน้องโชคเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะคุณแม่ รบกวนช่วยมาโรงเรียนตอนนี้เลยได้ไหมคะ ยายก็ตะโกนเข้ามาว่าตอนนี้โชคปั้มหัวใจอยู่ แม่เลยตกใจ ว่ามันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ เราคิดว่าลูกเราอยู่ในโรงเรียน มันเป็นอะไรขนาดนั้นได้ยังไง ซักพักนึงแม่กำลังเตรียมตัวที่จะไป พอซักพักน้องส่งข้อความมาบอกว่าตั๊กลูกตายแล้ว เราขับไปรถเกือบชนแต่เราก็ตั้งสติไว้ ในหัวคิดแต่ว่าลูกเราเป็นอะไร ตั๊กมีลูกแค่คนเดียว เราคิดว่าอะไร ทำไมถึงตายง่ายมันเกิดอะไรขึ้น”
ยายชลทราบเรื่องตอนไหน?
ยายชล : “ทราบเรื่องพร้อมกับยายจ๋า ให้ยายจ๋ารับโทรศัพท์”
แม่ตั๊ก : “พอไปถึงโรงเรียน ใจเรายังคิดว่าอาจจะเล็กน้อยอยู่ แล้วก็คิดอีกว่าลูกเราจะตายด้วยสาเหตุอะไรได้ เดินๆไปเจอกับรถนักข่าวเลยคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แล้วแน่ๆเลย พอแม่เอารถจอดได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปเจอกับยายสองคนนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง แม่ก็วิ่งไปดูห้องที่เกิดเหตุแต่ปรากฎว่าเขาคลุมผ้าขาวไปแล้วแล้วก็เชิญให้แม่ออกไปนั่งข้างนอก ก็ได้รับข้อมูลจากลุงว่าคีย์บอร์ดคอมฯระเบิด แม่ก็พูดกลับไปว่ามันเป็นไปได้เหรอ แม่ทำงานกับคอมฯทั้งวันทั้งคืนยังไม่เคยเห็นเป็นอะไรเลย ก็เลยรอว่าทางคุณครูจะมาแจ้งว่าอะไร สุดท้ายครูก็ไม่ได้มาแจ้งอะไร แม่ก็นั่งรออยู่อย่างนั้น”
ยายจ๋า : “ครูมาแจ้งแค่ครั้งเดียวว่าคีย์บอร์ดระเบิด ยายก็เชื่อว่าอย่างนั้นเพราะยายไม่มีความรู้ แต่พอเข้าไปดูหลาน สภาพหลานเลือดเต็มไปหมด แล้วมีผ้าปิดลูกตา คิดอยู่ในใจคีย์บอร์ดระเบิดทำไมมันรุนแรงขนาดนี้ แต่ก็เชื่อในความที่เขาเป็นครู เราก็เชื่อว่าคีย์บอร์ดมันระเบิด แต่ระยะหลังๆที่เรามานั่งร้องไห้กันอยู่ เราก็ได้ยินคำพูดออกมาเรื่อยๆว่าตาปลิ้น ท้ายทอยตุง เราก็เริ่มรู้ทีละหน่อยว่ามันไม่ใช่คีย์บอร์ดระเบิดแล้ว”
หลังจากนั้นทางตำรวจจึงได้แจ้งกลับมาว่าสุดท้ายแล้วเป็นอาวุธปืน?
แม่ตั๊ก : “พอเราไปถึง สน. เราเพิ่งจะรับทราบว่าเป็นในส่วนของอาวุธปืน ซึ่งครูก็ยังมั่นใจว่าเป็นคีย์บอร์ดพอได้อ่านข้อมูลจากเพจว่าเด็กรับแล้วว่าเป็นอาวุธปืน ใจเรารู้สึกว่าลูกเราต้องมาเจอกับอะไร ในโรงเรียนมีอาวุธปืนด้วยเหรอ ได้มีการคุมเข้มกันยังไง เราก็นั่งคุยกัน ป้าก็บอกว่ามันเกินไปไหมที่จะมีอาวุธปืนในโรงเรียน เราเลยนั่งรอดูว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมาบอกอะไรไหมแต่ก็ไม่มี”
เราไปได้ยินจากใครว่ามันเกิดอุบัติเหตุขึ้น?
แม่ตั๊ก : “ตอนแรกที่เจ้าหน้าที่แจ้งมา ท่านไม่ได้แจ้งว่าเป็นปืนลั่น ท่านแจ้งว่าเป็นการตั้งใจยิง เขาบอกว่าเด็กคนนี้ใจร้ายมากเลยนะ เขาบอกแล้วว่าตั้งใจยิง แม่เลยถามว่าแล้วยังไงคะ เขาก็บอกว่าโทษประหารชีวิตเลย แม่ก็บอกแต่เขาเป็นเยาวชนค่ะ เขาบอกว่าต้องไปหาหลักฐานมาให้รัดกุมถึงจะเป็นเยาวชนก็เถอะ อันนี้แม่ไม่ได้กล่าวหานะคะ แต่ในสิ่งที่แม่มั่นใจ 100% ว่ามันไม่ใช่ปืนลั่นมาตั้งแต่แรกที่เป็นแบบนี้”
แม่กำลังจะยืนยันว่าตอนแรกตำรวจได้มายืนยันกับแม่และยายว่าน้องโชคถูกยิงและเป็นการตั้งใจยิงด้วยและยังบอกด้วยว่าเด็กที่ยิงใจร้ายมาก”
ยายจ๋า : “ยายเป็นคนถามคุณตำรวจเองว่าเขาเป็นเยาวชนนะคะคุณตำรวจ เขาก็บอกว่านั่นแหละ ต้องให้รับโทษถึงที่สุดคือประหารชีวิต”
แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงกลายเป็นปืนลั่น?
ยายจ๋า : “นั่นสิคะ”
แม่ตั๊ก : “เรามาได้ยินปืนลั่นตอนแถลงข่าว เราก็ตกใจกัน ลูกเพิ่งจะเสียชีวิตวันพฤหัสบดี แต่วันศุกร์สายๆมาแถลงข่าวว่าปืนลั่น มันยิ่งทำให้เราสงสัยทุกอย่าง เรารู้ว่าลูกเราเป็นยังไง เราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไง ได้ยินแต่จากคำบอกเล่าว่าไม่ได้มาโรงเรีบน พฤติกรรมหลายๆอย่างมันก็สามารถเอาไปดูได้นะคะ ลูกเราเราเชื่อมั่นว่าในเรื่องของการจะไปมีเรื่อง จะให้เพื่อนพกปืนมาให้ดูมันยากที่จะเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้”
แล้วตอนที่ไปคุยกับทางตำรวจ เขาว่าไงบ้าง?
ตาตั้ม : “พอผมยิงคำถามเขาไป เขาก็บอกว่างั้นต้องรอทางนิติวิทยาศาสตร์”
3 เหตุการณ์ที่แต่ละครั้งตำรวจพูดไม่เหมือนกันมีอะไรบ้าง?
ตาตั้ม : “หนึ่งตั้งใจยิง สองปืนลั่นโดยวิธีเอาเสื้อหนาวมาใส่ แล้วปืนหล่นพื้นแล้วลั่นออกไป กระสุนเข้าทางซ้ายออกช่วงกกหูขวา แล้วตกไปที่คีย์บอร์ด แล้วกระเด้งไปที่กำแพง สามบอกปืนหล่นที่คีย์บอร์ด แล้วคีย์บอร์ดแตก ปืนลั่น กระสุนเข้ากระสุนเข้าทางซ้าย แล้วไปกระเด้งไปที่กำแพง ออกท้ายทอยขวา เข้า-ออกที่เดิม แต่วิถีกระสุนเปลี่ยน มันเป็นไปไม่ได้ที่ลั่นลงโต๊ะ มันจะต้องเข้าแล้วออกข้างบน แต่นี่ออกกกหูมันเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วที่ผมสงสัยคือมันเด้งไปหากำแพงได้ยังไง ทำไมกระสุนไม่หยุดที่คีย์บอร์ด แต่กระเด้งไปโดนกำแพง
ทนายโป้งมองเรื่องนี้และจะจัดการยังไง?
ทนายโป้ง : “ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นเยาวชน ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ชัดว่าให้ศาลเป็นผู้กำหนดวิธีปฏิบัติกับผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเยาวชนยังไง ปรากฎพอเข้ามาแล้วมันเป็นปัญหาเรื่องของข้อเท็จจริงมากกว่า เขาเคลือบแคลงสงสัยถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ง่ายไปไหม เนื่องจากว่าเรื่องนี้ถูกจำหน่ายว่าเป็นอุบัติเหตุไปเพื่อที่ตำรวจจะได้ทำงานง่ายขึ้น ปิดแฟ้มคดีได้เร็วขึ้น ด้วยความเคารพผู้กำกับ สภ. บางบัวทอง ผมเป็นทนาย จ.นนทบุรีมา 20 กว่าปี เบื้องต้นผมยังไม่เชื่อนะว่าตำรวจจะทำเช่นนั้น แต่จากข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันขัดแย้งกันไปหมดเลย ที่ผมเข้าไปพบเจ้าหน้าที่วันก่อน ก็ได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกัน
อย่างคุณแม่เองเขายังไม่ได้รับการตรวจสอบปากคำเลย จนกระทั้งผมไปวันนั้นเขาถึงเรียกไปสอบ จริงๆแล้วพนักงานสอบสวนต้องเรียกคุณแม่ไปถามตั้งแต่ทีแรกเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้น ความสัมพันธ์ของโชคกับคู่กรณีเป็นยังไงกันบ้าง อันนี้เป็นข้อมูลสำคัญก่อนที่คุณจะมาบอก เพราะเหตุการณ์ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยคุณออกมาฟันธงว่าเป็นอุบัติเหตุ ผมว่าอันนี้เร็วเกินไปที่ตำรวจจะออกมาพูดครับ”
จากที่คุณหญิงหมอได้เห็นร่องรอยบาดแผลจากภาพแล้วคุณหญิงหมอวิเคราะห์ได้อย่างไรบ้าง?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ต้องเรียนก่อนว่าคดีนี้มีการเคลื่อนย้ายจุดเกิดเหตุ ฉะนั้นใครก็ตามที่เข้าจะต้องระมัดระวังมากๆ ว่าจะถูกชักจูงไปให้ผิด เพราะมันมีการเคลื่อนย้าย จากรูปถ่ายที่ได้เห็นคราบเลือดที่นองที่พื้น มันมีทั้งหมด ทั้งเปื้อนเลือด ทั้งเช็ด สองมีกระบวนการปั้มช่วยชีวิต ความสำคัญคือตำรวจถึงที่เกิดเหตุกี่โมงหลังจากเหตุกี่โมง ยายถึงที่เหตุกี่โมงหลังจากที่เกิดเหตุที่โมง เพราะว่าคนที่สำคัญที่สุดตามหน้าที่คือตำรวจ ซึ่งตำรวจจะต้องเป็นคนดูออก เคสนี้ใครที่ไหนก็ดูออกว่ากระสุนปืน จะไปออกข่าวเป็นคีย์บอร์ดระเบิดมันก็ต้องไปไล่ดู พอมันเป็นกระสุนปืนเราก็ต้องดู ขึ้นต้นที่สภาพศพ จากรูปที่ให้ดู กระสุนเข้าที่ทางซ้ายออกกกหูขวา ร่องรอยทางซ้ายเหมือนเขม่า ทีนี้ต้องเอารูปชัดๆมาให้ดู ถ้ามันเหมือนเขม่ามันจะต่ออะไรได้เยอะไปหมด เช่น ระยะยิง ตามตำรามันจะมีระยะยิงอยู่ 4ระยะ 1กดยิง แผลจะมีรอยเป็นวงกลมรอบแผล 2ระยะใกล้ห่างมานิดนึงเป็นรอยไหม้จะไม่กว้าง 3ระยะกลาง จะมีช่วง45 ซม. จะมีเขม่าติด อันนี้เขม่าค่อนข้างเป็นกระจุก 4ระยะไกล เขม่าจะไม่ติด
หลักคือถ้าพบจะบอกระยะ แต่ถ้าไม่พบมันอาจจะทะลุผ่านอย่างอื่น อันนี้ถ้ามันเป็นเขม่าแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีคำพูดที่ตาตั้มได้มาจากตำรวจว่าปืนลั่น ตัวศพจะบอกเรื่องนี้ได้ เคสนี้มันเข้าแล้วมันทะลุไปไหน เพิ่งจะทราบว่ามันกระแทกโดนกำแพง ก็ต้องให้มีการจำลอง แล้วกระสุนอยู่ไหน มีคนเก็บเอาไปเพื่อไม่ให้มีการเห็นด้วยรึเปล่า เมื่อแสดงว่าที่เกิดเหตุถูกจัด พนักงานสอบสวนต้องระมัดระวังมากๆที่จะสรุป สำคัญที่สุดคือมันต้องมีกระบวนการจำลอง และมีคุณหมอนิติเวชเข้ามาด้วย มาดูทิศทางและฟังว่าบาดแผลเป็นอย่างไร ต้องเห็นแผลเพื่อดูความเป็นไปได้ แล้วถ้ามันมีหยดเลือดเต็มไปหมดในที่เกิดเหตุมันดูไม่ยาก แต่มันเหมือนมีใครไปสรุป แล้วมีใครไปให้ประเด็นกับญาติ ไปให้ประเด็นกับสื่อ มันก็ยิ่งทำให้เกิดความระแวง การไปพิสูจน์ทราบก็ยาก การไปกล่าวหาคนอื่นก็ยาก
ผู้ที่ปืนมีอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องตอบคือแล้วได้ตรวจเขม่าปืนของคนอื่นไหม ความแปลกก็คือคนตายกลับถูกสวมถุง แต่คนที่ตั้งข้อสงสัยได้ตรวจเขาไหม ตรวจภายในกี่ชั่วโมง บอกไว้เลยนะคะว่าถ้าตรวจแล้วไม่เจอ อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเขม่ามันจะอยู่ได้แค่แป๊บเดียว ถ้าเขาไม่ได้ตรวจภายใน 6 ชั่วโมงแสดงว่าคุณไม่มีความรู้แล้ว เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เอามาประกอบแล้วเอามาบอกได้ รวมไปถึงการยิงทะลุผ่านเสื้อไปจะไปเจออะไร ไม่ยากเลยค่ะ แต่ต้องจำลองเหตุการณ์โดยมีคุณหมอนิติเวชเข้ามาอยู่ด้วย”
ต้องมีทั้งพิสูจน์หลักฐานและนิติเวชร่วมกัน?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ใช่ค่ะ คุณหมอจะเป็นตัวนำก่อน โดยแผลจะเป็นตัวตั้งต้น เพราะหลักฐานในที่เกิดเหตุมันถูกเปลี่ยนไปหมด พนักงานสอบสวนก็จะเอามาเชื่อมว่าตรงกับคำให้การของใครว่าอย่างไรบ้าง”
คำกล่าวอ้างที่บอกว่าปืนลั่นใส่คีย์บอร์ดแล้วลั่นใส่ขมับทะลุออกทำให้คีย์บอร์ดแตก มองว่าปืนน้ำหนักไม่ได้มากพอที่จะหล่นไปลงคีย์บอร์ดแล้วแตก โอกาสมันเป็นไปได้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็เพราะผู้ไม่รู้และยังรู้ไม่ครบชอบสรุป พอสรุปแบบนี้มันทำให้ยุ่งไปหมด มันทำให้เกิดความระแวง ญาติคนตายคือผู้สูญเสีย เขาย่อมระแวงทั้งๆที่จริงๆมันอาจจะไม่มีอะไรนะคะ แต่จากการที่มันให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนแล้วดูจะไม่เป็นธรรม มันเลยทำให้เกิดการไม่ยอมรับ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะไปป้ายสีคนใดคนนีง เพราะเคสนี้ปืนเป็นของใครมันรู้อยู่แล้ว มันมีวิธีพิสูจน์ทราบ”
น้องคู่กรณีได้มีการส่งแมสเสจไปหาเพื่อน ว่า “มาด่วนๆ ผมทำปืนลั่นใส่เพื่อน” มันตีความได้หลายแบบมากเลย?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ใช่ค่ะ”
แต่หลังจากนั้นเขาเอาปืนไปโยนทิ้ง โดยแมสเสจว่า “พี่กั้น มาเอาของไปดิ” จากนั้นมีคลิปว่าเหมือนเด็กเอาปืนไปทิ้ง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไปงบเจอปืนขึ้นมาได้ ซึ่งปืนไม่ได้ใหญ่อะไร มันจะหล่นใส่คีย์บอร์ดจนแตกได้เหรอ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “สมมติว่าทีมแรกบอกว่าหล่นใส่คีย์บอร์ดแตก ก็ต้องมาดูว่าเขาตรวจยังไง แต่ถ้าจะให้ตรวจพิสูจน์ซ้ำ เมื่อกี้ที่ชี้มันคือภาพที่แสดงให้เห็นว่าตำรวจไม่รักษาหลักฐานอีกแล้ว เอาคีย์บอร์ดออกจากถุงมาวางในที่เกิดเหตุได้ยังไง แล้วทำอะไรต่อจากนั้นไป แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคีย์บอร์ดอันแรกไหม มันผิดระบบ
อย่างนี้ถ้าเกิดว่าญาติต้องการให้อีกหน่วยนึงพิสูจน์ให้ได้ว่าตกลงใช่ปืนตกคีย์บอร์ดจริงไหม มันทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นวัตถุพยาน จะเอาออกจากห่วงโซ่วัตถุพยานไม่ได้ ถ้าจะเอาออกต้องเอาออกโดยนักนิติวิทยาศาสตร์ มันต้องไม่ใช่พนักงานสอบสวนทำ เพราะมันเป็นพยานหลักฐาน ต้องให้คนที่เชี่ยวชาญทำ และควรจะทำคู่กับหมอก่อน ที่พูดเช่นนี้เพราะมันเป็นประเด็นว่าปืนตกใส่คีย์บอร์ด ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นจริงมันง่ายมากเลย เพียงตรวจหาสิ่งที่เป็นปืนไปติดที่คีย์บอร์ด แล้วเขาได้ทำรีเปล่า”
ปืนตกไปที่คีย์บอร์ดแล้วลั่นเข้าขมับ จะไปออกกกหูยังไง จากที่ปืนมันวางอยู่ต่ำ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ตัวแปรคือตำแหน่งของร่างกาย เราไม่รู้ว่าเหยื่ออยู่ท่าไหน แต่มันไม่ยากที่จะพิสูจน์ อย่างที่บอกต้องเอาให้แม่นก่อนว่าปืนตกใส่คีย์บอร์ดไหมก่อน มันไม่ยากเลย มันมีสูตรทางวิทยาศาสตร์ เหมือนตอนที่ใบพัดตัดเข้าไปที่ขาแตงโมรึเปล่า คือการตรวจหาอณูของสองวัตถุ ส่วนตรงขมับจะเข้าได้ไหม มันไม่ได้แปลว่าไม่ได้ เราต้องมาดูว่ากระสุนมันเข้าตรง เข้าแฉลบ รูเข้ามันจะบอก รูกลมแสดงว่าตั้งฉาก รูเอียงแปลว่าเอียง พวกกับทิศทางและระยะยิง ก็พอจะบอกได้ ที่เห็นจากภาพคือเขม่ากลมรอบรู มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถ้ากระสุนเข้าแล้วเบ้าตาแตก มันจะเขียว มันจะกลมรอบตา ไม่ใช่รอบรูเข้าแล้วก็ต้องวัด พอยิงแล้ววัดจะรู้เลยว่าระยะยิงเท่าไหร่ นั่นคือการจำลอง ถ้าไม่ได้ปืนมาไม่มีทางรู้”
คุณแม่ฟังแล้วมองอย่างไรบ้าง?
แม่ตั๊ก : “เราต้องการมาหาความจริง ในสิ่งที่ดำเนินมา วัตถุพยาน หลักฐานอะไรก็ยังไม่ออก แล้วก็รู้สึกว่าด่วนสรุปคดีเร็วเกินไป โดยที่เราสามารถตรวจทุกอย่างได้หมด จนตอนนี้เอาตรงๆ ขอพูดในฐานะแม่คนนึง ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อ แต่เรามองดูแล้วเรารู้สึกขัดแย้ง เรารู้สึกสงสัยในทุกอย่าง คุณไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เราก็จะยอมรับ เรายอมรับได้ แต่กรณีเอาปืนไปที่โรงเรียนก็อีกเรื่องนึง”
ทนายมองยังไงเรื่องการเอาปืนไปโรงเรียน?
ทนายโป้ง : “เป็นเรื่องของความปลอดภัยในสถานที่ โรงเรียนเป็นสถานศึกษาควรมีความปลอดภัยอย่างสูงไม่ต่างจากบ้าน ในเมื่อพ่อแม่เขาไว้วางใจครูอาจารย์เอาลูกของเขาไปอยู่ที่นั่นวันละประมาณ 4-6ชั่วโมง คุณต้องดูแลสวัสดิภาพเขา ล่าสุดผมนัดกับผู้กำกับไปที่โรงพักบางบัวทอง เพราะผู้กำกับบอกว่ามีวงจรปิดแล้ว หลังจากที่ไม่มีใครถามเรื่องนี้เลย แกบอกว่าในห้องไม่มี แต่นอกห้องมี อย่างน้อยนอกห้องเช้าวันเกิดเหตุจะเห็นว่าคู่กรณีเขาเดินเข้าโรงเรียนแบบไหน ที่บอกว่าเสื้อกันหนาวพันปืนมามันพันมายังไงเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์นานขนาดไหน หลังจากเกิดเหตุแล้วมีใครวิ่งออกจากห้อง”
เอาเสื้อหนาวพันปืนมา พอจะใส่สะบัดปืนเลยหล่น แล้วอีกทีบอกเอาปืนใส่ในเสื้อหนาวมา ทำไมพูดไม่เหมือนกันซักครั้งเลย?
ตาตั้ม : มันมีหลายสเต็ป หลายช็อตมากที่ผมได้รับรู้มา ผมเลยงงมากว่ามันคืออะไร”
แม่ได้ขอดูกล้องวงจรปิด?
แม่ตั๊ก : “วันนี้มีการนัดเข้าไป เรียนขอเข้าไปดู คุณตำรวจได้มีการพูดคุยมาบอกว่าไม่ต้องไปออกรายการหรอก จะไปออกทำไม ตอนแรกแกจะไรต์แผ่นให้แม่ ถ้าไปออกแล้วคงจะไม่ได้รไรต์แผ่นให้ แต่แผ่นซีดีนี้ต้องถูกส่งไปให้กับทางอัยการอยู่แล้ว เขาบอกว่ามันก็คดีง่ายๆแหละ เหมือนคดีก่อนหน้านี้”
คดีง่ายๆเหมือนคดีคุณแตงโม?
ตาตั้ม : “ตอนนี้ผมสงสัยเรื่องเด็กนักเรียนที่พอเกิดเหตุแล้วครูปล่อยตัวจากห้องเรียน แล้วให้เขาเอาปืนไปให้เพื่อนได้ยังไง นี่คือสิ่งที่เราพยายามวิเคราะห์กัน”
ยายจ๋า : “เราสงสัยกันอยู่ว่าพอเกิดเหตุแล้วปืนเอาไปโยนทิ้งที่คลองได้ยังไง แล้วกลับมานั่งในสถานที่ที่เกิดเหตุได้ยังไง”
แม่ตั๊ก : “แล้วคนที่ตะโกนไปบอกคุณครูเป็นผู้ก่อเหตุ แล้วทำไมถึงแจ้งว่าเป็นน้องอีกคนนึง ซึ่งคนที่ก่อเหตุเป็นคนบอกว่าคีย์บอร์ดระเบิด”
ยายจ๋า : “มีน้องๆหลายคนบอกมาแบบนี้ แต่พอคุณครูแจ้งว่าอีกคนนึงบอก ไม่ใช่คนก่อเหตุ”
ตาตั้ม : “ครูให้ข่าวว่ามีเด็กตะโกนบอก ไม่ใช่คนที่ก่อเหตุ”
ยายจ๋า : “คำพูดแต่ละครั้งไม่เคยตรงกันซักครั้งเลย”
คุณหญิงหมอถึงกับถอนหายใจ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็ไม่ยอมปฏิรูปตัวเองกันเสียที ก็เกิดความไม่ไว้วางใจแล้วยังไปขู่อีก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิทธิ์ของญาติที่จะรู้ค่ะ”
อย่างให้เรื่องนี้เป็นอย่างไรต่อ?
แม่ตั๊ก : “ก็อยากให้ทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาจำลองเหตุการณ์ เราจะยังไม่เผาน้องโชคจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงของคดีนี้ ตอนแรกเรากำหนดไว้ว่าจะเผาวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) แต่ตอนนี้ไม่เผาแล้วจนกว่าจะได้รู้ข้อเท็จจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
คุณแม่ทำแบบนี้ได้ไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ได้ค่ะ เพราะสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือก ความเหมาะสมก็คือศพถูกผ่าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางทีมแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และทีมที่เกิดเหตุก็เข้าที่เกิดเหตุด้วย เรามีการตรวจเรื่องปืนว่ามันจะยิงเอง ลั่นเองได้ไหม มีเหมือนกันหมดกับทางตำรวจ คุณแม่เพียงไปยื่นเรื่องที่ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าจะให้เร็วก็ไปยื่นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรม มันจะเร็ว”
ทนายโป้ง : “ต้องให้คุณหมอของสภานิติเป็นคนร่วมด้วยนะ”
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “เขารู้อยู่แล้วว่าเคสนี้มันต้องใช้การจำลอง คุณหมอจากสถาบันนิติดูทั้งที่เกิดเหตุและศพ ทางสถาบันนิติก็ดูที่เกิดเหตุ ฉะนั้นมันถึงจะตอบได้”
ครอบครัวยังติดใจอะไรอยู่อีกไหม?
น้าต้อม : “การตรวจพิสูจน์จากคนที่ทำปืนลั่นใส่ มันพูดออกมาหลายประเด็น เมื่อกี้คุณลุงได้พูดไปแล้วในแง่ของปืนตก ในแง่ของผมซึ่งถ้าปืนลั่นเข้าที่เบ้าตาลงพื้น แล้วไปโดนกำแพงข้างบน แล้วกระเด็นมาโดนคีย์บอร์ด นี่คือข้อมูลจากเพื่อนน้องโชค และทางตำรวจ มีรอยตกกระทบที่กำแพง”
คีย์บอร์ดสามารถพิสูจน์ได้ไหมว่าไปโดนกระสุนจริง?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ได้หมดเลยค่ะ หลักการคืออะไรที่ไปสัมผัสกันมันจะทิ้งมวลสารเอาไว้ซึ่งกันและกันก็เอาไปตรวจหาได้”
จริงๆเรื่องนี้มันค่อนข้างจะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปอีกพอสมควรว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่การที่ออกมาสรุปแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุปืนหล่น มันเร็วเกินไปไหม?
ทนายโป้ง : “เร็วไปมากๆเลยครับ คนตาย1 คนปกติตำรวจสันนิษฐานเลยนะ ถ้าเป็นผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ สองชู้สาว สามเรื่องของการเมือง เขายังสันนิษฐาน 3 ทางเลยนะ แต่นี่เด็กคนนึงตายคุณบอกเลยว่าอุบัติเหตุ มันง่าย มันเร็วไปรึเปล่า มีช้อยส์ให้เขาเลือกไหม ต้องมีช้อยส์ให้เขาเลือกสิว่าอาจจะเป็นปืนลั่น เล่นปืนแล้วพลาด หรือจงใจ เจตนายิง นี่ออกมาเลยว่าอุบัติเหตุ มันสั้น มันเร็วไปเหมือนฟาสแทรค สรุปจบแล้ว”
แล้วคดีก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเคลียร์นะ บอกว่าเป็นเพื่อนรักกัน แต่ทางครอบครัวบอกไม่จริง ลูกเขาไม่เคยพูดถึงเด็กคนนี้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “อันนี้เป็นการเอาสิ่งแวดล้อมมาลดความคลางแคลงใจซึ่งเขาห้าม เขาให้วิทยาศาสตร์และหลักฐานเป็นตัวพูดก่อนไม่ใช่เอาสิ่งแวดล้อมเป็นตัวทำให้มันเจือลงไป ให้ฟังสิ่งที่พบก่อน”
น้าต้อม : “คุณตำรวจพยายามจะสื่อว่าโชคกับคนก่อเหตุเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกัน รักกัน วิ่งเล่นด้วยกันตลอด ซึ่งเราไม่เชื่อ เพราะเราไม่เคยเห็นหรือรู้จักคนก่อเหตุเลย ไม่มีความสนิท เขาไม่เคยพูดถึงเลย แล้วเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะไม่ค่อยรู้จักเขาด้วย เพราะเขาไม่มาโรงเรียน”
แม่ตั๊ก : “ไม่มาโรงเรียนจนคุณครูต้องไปตามให้มาเรียน ในวันนั้น วันที่เกิดเหตุที่เขามาโรงเรียน”
โชคเคยไปมีเรื่องกับเขาไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้เราไม่รู้ โชคจะเป็นคนที่อยู่กับเพื่อนผู้หญิงก็ได้ อยู่กับเพื่อนผู้ชายก็ได้ เป็นคนไม่พูด”
เคยมีข่าวว่าเขาต่อยกันแล้วโชคชนะ เคยได้ยินไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้แม่เคยได้ยินมา”
ยายจ๋า : “ถ้าเป็นเด็กต่อยตีกัน เด็กก็คือเด็ก แต่เรื่องที่โชคจะไปตามเอาเรื่อง ฝังใจเจ็บโชคไม่มี”
ทางรายการ “โหนกระแส” ได้ต่อสายโฟนอินไปหา “พต.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ปืนลั่นว่ามีโอกาสขนาดไหนที่ปืนหล่นลงมาแล้วจะมาเข้าที่ใต้ตาซ้ายไปทะลุออกท้ายทอย แล้วไปโดนกำแพง แล้วไปโดนคีย์บอร์ดได้?
พต.ต.ต.วิชัย : “ปืนตกยังไงก็ไม่ลั่นครับ อย่างปืนลูกโม่จะลั่นได้ต้องมือเข้าโกร่งไก ต้องดึงโกร่งไกแล้วนกถึงจะสับ ปืนอื่นๆก็ไม่มีลั่นครับ จะสังเกตดูได้จากร่องรอยทิศทางกระสุน ถ้าบอกปืนลั่นตกที่พื้น เขม่าดินปืนจะต้องตกที่พื้นที่ ต้องไปดูว่าที่พื้นมีรอยตกไหม ไปตรวจเสีย ถ้าปืนที่ใช้มือยิง เขม่าก็จะอยู่ที่มือ มันต้องมี ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูแค่นี้เลยครับ”
ลักษณะเหมือนปืนไทยประดิษฐ์มันจะแน่นหนาเหมือนปืนลูกโม่ที่เขาทำกันมา?
พต.ต.ต.วิชัย : “ไทยประดิษฐ์ยังไงก็เหมือนกัน ไม่มี ระบบเหมือนของจริงแหละ เพียงแต่ทำโดยคนไทย ทุกอย่างเหมือนกันหมด ระบบการลั่นไกเหมือนกันหมดครับ”
มองว่ายังไงก็ต้องมีคนเหนี่ยวไก?
พต.ต.ต.วิชัย : “ต้องมีคนเหนี่ยวครับ ดูรอยบาดแผลจากตัวคนก็ได้ครับ ว่ารูกระสุนเข้าทางไหน ทะลุกี่องศา อย่างไร ต้องดูได้ครับ”
ตอนนี้คดีนี้ได้มีการสรุปออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุปืนตกก็เลยลั่นขึ้นมา ในมุมของท่าน พต.ต.ต.วิชัย ถือว่าสรุปเร็วไปไหม?
พต.ต.ต.วิชัย : “ผมว่าต้องดูพยาน หลักฐานต่างๆของนิติวิทยาศาสตร์ ทางนิติเวช ต้องดูทั้งหมดครับ ยังไงก็ขอให้ทำให้ถูกต้อง เพราะมันจะเป็นตัวอย่างในการสืบสวนสอบสวนคดี ถ้าเราบิดเบี้ยว ต่อไปคนก็จะไม่เชื่อถือ ทุกอย่างมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ครับ”
คุณหญิงหมอพรทิพย์เห็นด้วยไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “เขาทำงานจริงไง เขาเลยรู้ เขาจะไม่เชื่อว่าปืนลั่นตั้งแต่แรก ถึงได้ถามไงว่าตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุกี่โมง แล้วใครเป็นคนไป”
การที่ตำรวจไปถึงกี่โมงมันไปเชื่อมโยงยังไง?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “บางทีมันติดคดีนั้นคดีนี้ กว่าจะมา แล้วอาจจะให้ใครมาก่อน เลยไม่ได้ดู พอเขาพูดแบบนี้นักข่าวมาก็ไปเลย เป็นคีย์บอร์ดระเบิด มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ เหตุปั๊บมันรู้เลยว่าเป็นกระสุนปืนไม่ใช่คีย์บอร์ด คนที่ทำงานด้านนี้ต้องรู้”
คุณแม่ได้เจอกับเด็กที่เอาปืนไปบ้างรึยัง?
แม่ตั๊ก : “วันก่อนเขามาขอขมาศพ ติดต่อแม่มาแต่เช้า แม่ก็ไปรอที่วัด ไปๆมาๆเขาจะไม่มา จะให้พ่อกับแม่เขามาแทน แม่ก็บอกไปว่าถ้าไม่มีอะไรก็มา ลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับ ไม่ต้องกลัวอะไร ทางเราก็รอถึงเย็นกำลังจะสวดแม่เขามา แล้วตามลูกมา เขาถึงได้มาขอขมาศพโชค แต่ตัวแม่ไม่ได้คุยกับเขา เรารู้ว่าเขาไม่ได้มีน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ก่อนที่จะโทรมา ก็ยังห้าวเหมือนเดิม”
ยายจ๋า : “น้ำเสียงไม่สลดเลยค่ะ”
แม่ตั๊ก : “อย่างเช่น แม่ผมไม่ได้เป็นคนทำ ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ผมเป็นอย่างนี้ เอาไปอย่างนี้เพราะอะไร ค่อยเจอกันไหม ผมแน่นไปหมด อย่าไปเจอลูกกับคนแบบนี้ ไปอยู่บนสวรรค์ไปเป็นเทวดา กับคนแบบนี้อย่าไปเจอ”
เห็นว่าคนนี้มีปัญหากับคนชื่อต่อ แล้วต่อเป็นเพื่อนกับโชคไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้เป็นการแอบอ้างของผู้ก่อเหตุ เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันจริง เป็นเพื่อนในระดับชั้นเดียวกันห้องเดียวกัน มันก็เพื่อนกันหมด มันเลยไม่ได้แบ่งแยกว่าโชคจะสนิทกับคนนี้ สนิทกับคนนั้น เพื่อนทุกคนสนิทกับโชคหมด”
ได้มีโอกาสเห็นภาพในที่เกิดเหตุ ที่นอนนอนพับไปแล้วเห็นบริเวณที่เกิดเหตุในลักษณะที่มีหยดเลือดเป็นดวงๆเหมือนสีป้ายไปมา ตรงนั้นบอกอะไรได้ไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “บอกได้ค่ะ มันเป็นอีกหนึ่งสาขาทางนิติวิทยาศาสตร์ แพทเทินของคราบเลือดมันจะเล่าว่าใครขยับอะไร กระสุนปืนประเภทนี้ยิงปั๊บก็หมดสติ ฉะนั้นตัวเขาจะเคลื่อนเองไม่ได้ ต้องไปไล่ดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงมีหยดเลือดออกมาเป็นกองๆนี้ แล้วก็มีรอยปื้นเหมือนใครเช็ดอะไร รอยปื้นนั้นแสดงให้เห็นว่าจะต้องไปติดกับกางเกงของใครคนนึง เราจะต้องไปสอบปากคำคนที่ช่วยชีวิตด้วย เพราะคนที่ช่วยชีวิตคงจะไม่ไปยุ่งกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ตัวคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ถ้าเป็นคนยิง มีคนเดียวก็ต้องดูว่ากางเกงเขาปื้นไหม ถ้าไม่เปื้อนแล้วนี่คือกางเกงใครที่ปื้น
ครอบครัว “น้องโชค” เชื่อในวิถีกระสุน ไม่เชื่อลูกถูกปืนลั่นจนเสียชีวิต ลั่นไม่ขอเผาศพลูกจนกว่าความจริงจะกระจ่าง
เป็นเรื่องราวที่ยังคาใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ และครอบครัวกับเรื่องราวของ “น้องโชค” เด็กชายม.3 ที่อยู่ในห้องเรียน กำลังจะเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ แต่อยู่ดีๆมีเสียงระเบิดดังขึ้น แล้วน้องก็ล้มลงไป และเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีข่าวบอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ โชค เกิดจากคีย์บอร์ดระเบิด ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ออกมาชี้แจงว่าเป็นไปไม่ได้ จึงมีการสอบสวนลึกลงไปอีก พบว่ามีเด็กคนนึงเอาปืนไปที่โรงเรียนแล้วอ้างว่าปืนลั่นไปโดน น้องโชค จนเสียชีวิต แต่ครอบครัวไม่เชื่อ
รายการโหนกระแสวันที่ 15 ก.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัทดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ครอบครัวของ น้องโชค “ทนายโป้ง เกียรติคุณ ต้นยาง” ทนายความเรื่องนี้ และ
“แพทย์หญิงคุณหญิงหมอ พรทิพย์ โรจนสุนันท์”สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
จริงไหมที่วิถีกระสุนมันบอกเล่าเรื่องราวได้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “การรวบรวมพยาน หลักฐานทั้งหมด โดยรวมถึงการตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ การรวบรวมพยานหลักฐานรอบๆ แล้วส่งตรวจยังห้องปฎิบัติการ จะตอบได้ สำหรับตัวศพ ไม่ใช่เฉพาะวิถีกระสุน ทั้งหมดจะตอบได้ถ้าเอาข้อมูลทุกอย่างมาประมวลร่วมกัน”
เพราะอะไรถึงไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น น้องโชคกับคนที่มีปืนสนิทสนมกันไหม?
แม่ตั๊ก : “แม่จะสนิทกับเพื่อนน้องโชคที่ไปทำกิจกรรมร่วมกันแค่กลุ่มนั้น แต่คนนี้ไม่มีการกล่าวถึงว่าเป็นเพื่อนสนิท ไม่มีใครทราบเลย”
ยายจ๋า : “ยายจะสนิทกับน้องโชคมากก็ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้เลย”
ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา แล้วตำรวจบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ สองคนนี้เขารักกันมาก เป็นเพื่อนสนิทกัน?
ยายจ๋า : “เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทกันค่ะ”
น้าตั้ม : “ผมจะอยู่ห่างๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีอะไรให้สงสัยหลายอย่างที่มันคลุมเครือ ผมไม่โอเคกับสิ่งที่แถลงข่าวออกมา มันไม่ใช่ มันยังรับไม่ได้”
ตอนที่ข่าวออกมาว่าคีย์บอร์ดระเบิดติดใจ?
แม่ตั๊ก : “ยายจะเป็นคนที่ได้รับข่าวก่อน แต่ว่าตอนนั้นต้องถามคุณยายว่าคุณครูได้แจ้งว่าอะไรก่อน เพราะทันทีที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุกับน้องโชค ก็มีการโทรหาแม่ ซึ่งแม่เพิ่งเลิกงานมาและกำลังนอนพักอยู่ ยายก็บอกว่ามาโรงเรียนด่วนเลย โชคเกิดอุบัติเหตุ แกก็ร้องไห้ คุณก็เลยเข้ามาพูด ครูก็ร้องไห้ ครูบอกว่าน้องโชคเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะคุณแม่ รบกวนช่วยมาโรงเรียนตอนนี้เลยได้ไหมคะ ยายก็ตะโกนเข้ามาว่าตอนนี้โชคปั้มหัวใจอยู่ แม่เลยตกใจ ว่ามันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ เราคิดว่าลูกเราอยู่ในโรงเรียน มันเป็นอะไรขนาดนั้นได้ยังไง
ซักพักนึงแม่กำลังเตรียมตัวที่จะไป พอซักพักน้องส่งข้อความมาบอกว่าตั๊กลูกตายแล้ว เราขับไปรถเกือบชนแต่เราก็ตั้งสติไว้ ในหัวคิดแต่ว่าลูกเราเป็นอะไร ตั๊กมีลูกแค่คนเดียว เราคิดว่าอะไร ทำไมถึงตายง่ายมันเกิดอะไรขึ้น”
ยายชลทราบเรื่องตอนไหน?
ยายชล : “ทราบเรื่องพร้อมกับยายจ๋า ให้ยายจ๋ารับโทรศัพท์”
แม่ตั๊ก : “พอไปถึงโรงเรียน ใจเรายังคิดว่าอาจจะเล็กน้อยอยู่ แล้วก็คิดอีกว่าลูกเราจะตายด้วยสาเหตุอะไรได้ เดินๆไปเจอกับรถนักข่าวเลยคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แล้วแน่ๆเลย พอแม่เอารถจอดได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปเจอกับยายสองคนนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง แม่ก็วิ่งไปดูห้องที่เกิดเหตุแต่ปรากฎว่าเขาคลุมผ้าขาวไปแล้วแล้วก็เชิญให้แม่ออกไปนั่งข้างนอก ก็ได้รับข้อมูลจากลุงว่าคีย์บอร์ดคอมฯระเบิด แม่ก็พูดกลับไปว่ามันเป็นไปได้เหรอ แม่ทำงานกับคอมฯทั้งวันทั้งคืนยังไม่เคยเห็นเป็นอะไรเลย ก็เลยรอว่าทางคุณครูจะมาแจ้งว่าอะไร สุดท้ายครูก็ไม่ได้มาแจ้งอะไร แม่ก็นั่งรออยู่อย่างนั้น”
ยายจ๋า : “ครูมาแจ้งแค่ครั้งเดียวว่าคีย์บอร์ดระเบิด ยายก็เชื่อว่าอย่างนั้นเพราะยายไม่มีความรู้ แต่พอเข้าไปดูหลาน สภาพหลานเลือดเต็มไปหมด แล้วมีผ้าปิดลูกตา คิดอยู่ในใจคีย์บอร์ดระเบิดทำไมมันรุนแรงขนาดนี้ แต่ก็เชื่อในความที่เขาเป็นครู เราก็เชื่อว่าคีย์บอร์ดมันระเบิด แต่ระยะหลังๆที่เรามานั่งร้องไห้กันอยู่ เราก็ได้ยินคำพูดออกมาเรื่อยๆว่าตาปลิ้น ท้ายทอยตุง เราก็เริ่มรู้ทีละหน่อยว่ามันไม่ใช่คีย์บอร์ดระเบิดแล้ว”
หลังจากนั้นทางตำรวจจึงได้แจ้งกลับมาว่าสุดท้ายแล้วเป็นอาวุธปืน?
แม่ตั๊ก : “พอเราไปถึง สน. เราเพิ่งจะรับทราบว่าเป็นในส่วนของอาวุธปืน ซึ่งครูก็ยังมั่นใจว่าเป็นคีย์บอร์ดพอได้อ่านข้อมูลจากเพจว่าเด็กรับแล้วว่าเป็นอาวุธปืน ใจเรารู้สึกว่าลูกเราต้องมาเจอกับอะไร ในโรงเรียนมีอาวุธปืนด้วยเหรอ ได้มีการคุมเข้มกันยังไง เราก็นั่งคุยกัน ป้าก็บอกว่ามันเกินไปไหมที่จะมีอาวุธปืนในโรงเรียน เราเลยนั่งรอดูว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมาบอกอะไรไหมแต่ก็ไม่มี”
เราไปได้ยินจากใครว่ามันเกิดอุบัติเหตุขึ้น?
แม่ตั๊ก : “ตอนแรกที่เจ้าหน้าที่แจ้งมา ท่านไม่ได้แจ้งว่าเป็นปืนลั่น ท่านแจ้งว่าเป็นการตั้งใจยิง เขาบอกว่าเด็กคนนี้ใจร้ายมากเลยนะ เขาบอกแล้วว่าตั้งใจยิง แม่เลยถามว่าแล้วยังไงคะ เขาก็บอกว่าโทษประหารชีวิตเลย แม่ก็บอกแต่เขาเป็นเยาวชนค่ะ เขาบอกว่าต้องไปหาหลักฐานมาให้รัดกุมถึงจะเป็นเยาวชนก็เถอะ อันนี้แม่ไม่ได้กล่าวหานะคะ แต่ในสิ่งที่แม่มั่นใจ 100% ว่ามันไม่ใช่ปืนลั่นมาตั้งแต่แรกที่เป็นแบบนี้”
แม่กำลังจะยืนยันว่าตอนแรกตำรวจได้มายืนยันกับแม่และยายว่าน้องโชคถูกยิงและเป็นการตั้งใจยิงด้วยและยังบอกด้วยว่าเด็กที่ยิงใจร้ายมาก”
ยายจ๋า : “ยายเป็นคนถามคุณตำรวจเองว่าเขาเป็นเยาวชนนะคะคุณตำรวจ เขาก็บอกว่านั่นแหละ ต้องให้รับโทษถึงที่สุดคือประหารชีวิต”
แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงกลายเป็นปืนลั่น?
ยายจ๋า : “นั่นสิคะ”
แม่ตั๊ก : “เรามาได้ยินปืนลั่นตอนแถลงข่าว เราก็ตกใจกัน ลูกเพิ่งจะเสียชีวิตวันพฤหัสบดี แต่วันศุกร์สายๆมาแถลงข่าวว่าปืนลั่น มันยิ่งทำให้เราสงสัยทุกอย่าง เรารู้ว่าลูกเราเป็นยังไง เราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไง ได้ยินแต่จากคำบอกเล่าว่าไม่ได้มาโรงเรีบน พฤติกรรมหลายๆอย่างมันก็สามารถเอาไปดูได้นะคะ ลูกเราเราเชื่อมั่นว่าในเรื่องของการจะไปมีเรื่อง จะให้เพื่อนพกปืนมาให้ดูมันยากที่จะเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้”
แล้วตอนที่ไปคุยกับทางตำรวจ เขาว่าไงบ้าง?
ตาตั้ม : “พอผมยิงคำถามเขาไป เขาก็บอกว่างั้นต้องรอทางนิติวิทยาศาสตร์”
3 เหตุการณ์ที่แต่ละครั้งตำรวจพูดไม่เหมือนกันมีอะไรบ้าง?
ตาตั้ม : “หนึ่งตั้งใจยิง สองปืนลั่นโดยวิธีเอาเสื้อหนาวมาใส่ แล้วปืนหล่นพื้นแล้วลั่นออกไป กระสุนเข้าทางซ้ายออกช่วงกกหุขวา แล้วตกไปที่คีย์บอร์ด แล้วกระเด้งไปที่กำแพง สามบอกปืนหล่นที่คีย์บอร์ด แล้วคีย์บอร์ดแตก ปืนลั่น กระสุนเข้ากระสุนเข้าทางซ้าย แล้วไปกระเด้งไปที่กำแพง ออกท้ายทอยขวา เข้า-ออกที่เดิม แต่วิถีกระสุนเปลี่ยน มันเป็นไปไม่ได้ที่ลั่นลงโต๊ะ มันจะต้องเข้าแล้วออกข้างบน แต่นี่ออกกกหูมันเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วที่ผมสงสัยคือมันเด้งไปหากำแพงได้ยังไง ทำไมกระสุนไม่หยุดที่คีย์บอร์ด แต่กระเด็งไปโดนกำแพง
ทนายโป้งมองเรื่องนี้และจะจัดการยังไง?
ทนายโป้ง : “ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นเยาวชน ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ชัดว่าให้ศาลเป็นผู้กำหนดวิธีปฎิบัติกับผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเยาวชนยังไง ปรากฎพอเข้ามาแล้วมันเป็นปัญหาเรื่องของข้อเท็จจริงมากกว่า เขาเคลือบแคลงสงสัยถึงการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจจะปฎิบัติหน้าที่ง่ายไปไหม เนื่องจากว่าเรื่องนี้ถูกจำหน่ายว่าเป็นอุบัติเหตุไปเพื่อที่ตำรวจจะได้ทำงานง่ายขึ้น ปิดแฟ้มคดีได้เร็วขึ้น ด้วยความเคารพผู้กำกับ สภ. บางบัวทอง ผมเป็นทนาย จ.นนทบุรีมา 20 กว่าปี เบื้องต้นผมยังไม่เชื่อนะว่าตำรวจจะทำเช่นนั้น แต่จากข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันขัดแย้งกันไปหมดเลย ที่ผมเข้าไปพบเจ้าหน้าที่วันก่อน ก็ได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกัน
อย่างคุณแม่เองเขายังไม่ได้รับการตรวจสอบปากคำเลย จนกระทั้งผมไปวันนั้นเขาถึงเรียกไปสอบ จริงๆแล้วพนักงานสอบสวนต้องเรียกคุณแม่ไปถามตั้งแต่ทีแรกเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้น ความสัมพันธ์ของโชคกับคู่กรณีเป็นยังไงกันบ้าง อันนี้เป็นข้อมูลสำคัญก่อนที่คุณจะมาบอก เพราะเหตุการณ์ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยคุณออกมาฟันธงว่าเป็นอุบัติเหตุ ผมว่าอันนี้เร็วเกินไปที่ตำรวจจะออกมาพูดครับ”
จากที่คุณหญิงหมอได้เห็นร่องรอยบาดแผลจากภาพแล้วคุณหญิงหมอวิเคราะห์ได้อย่างไรบ้าง?
คุณหญิหมอพรทิพย์ : “ต้องเรียนก่อนว่าคดีนี้มีการเคลื่อนย้ายจุดเกิดเหตุ ฉะนั้นใครก็ตามที่เข้าจะต้องระมัดระวังมากๆ ว่าจะถูกชักจูงไปให้ผิด เพราะมันมีการเคลื่อนย้าย จากรูปถ่ายที่ได้เห็นคราบเลือดที่นองที่พื้น มันมีทั้งหมด ทั้งเปื้อนเลือด ทั้งเช็ด สองมีกระบวนการปั้มช่วยชีวิต ความสำคัญคือตำรวจถึงที่เกิดเหตุกี่โมงหลังจากเหตุกี่โมง ยายถึงที่เหตุกี่โมงหลังจากที่เกิดเหตุที่โมง เพราะว่าคนที่สำคัญที่สุดตามหน้าที่คือตำรวจ ซึ่งตำรวจจะต้องเป็นคนดูออก เคสนี้ใครที่ไหนก็ดูออกว่ากระสุนปืน จะไปออกข่าวเป็นคีย์บอร์ดระเบิดมันก็ต้องไปไล่ดู พอมันเป็นกระสุนปืนเราก็ต้องดู ขึ้นต้นที่สภาพศพ จากรูปที่ให้ดู กระสุนเข้าที่ทางซ้ายออกกกหูขวา ร่องรอยทางซ้ายเหมือนเขม่า ทีนี้ต้องเอารูปชัดๆมาให้ดู ถ้ามันเหมือนเขม่ามันจะต่ออะไรได้เยอะไปหมด เช่น ระยะยิง ตามตำรามันจะมีระยะยิงอยู่ 4ระยะ 1กดยิง แผลจะมีรอยเป็นวงกลมรอบแผล 2ระยะใกล้ห่างมานิดนึงเป็นรอยไหม้จะไม่กว้าง 3ระยะกลาง จะมีช่วง45 ซม. จะมีเขม่าติด อันนี้เขม่าค่อนข้างเป็นกระจุก 4ระยะไกล เขม่าจะไม่ติด
หลักคือถ้าพบจะบอกระยะ แต่ถ้าไม่พบมันอาจจะทะลุผ่านอย่างอื่น อันนี้ถ้ามันเป็นเขม่าแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีคำพูดที่ตาตั้มได้มาจากตำรวจว่าปืนลั่น ตัวศพจะบอกเรื่องนี้ได้ เคสนี้มันเข้าแล้วมันทะลุไปไหน เพิ่งจะทราบว่ามันกระแทกโดนกำแพง ก็ต้องให้มีการจำลอง แล้วกระสุนอยู่ไหน มีคนเก็บเอาไปเพื่อไม่ให้มีการเห็นด้วยรึเปล่า เมื่อแสดงว่าที่เกิดเหตุถูกจัด พนักงานสอบสวนต้องระมัดระวังมากๆที่จะสรุป สำคัญที่สุดคือมันต้องมีกระบวนการจำลอง และมีคุณหมอนิติเวชเข้ามาด้วย มาดูทิศทางและฟังว่าบาดแผลเป็นอย่างไร ต้องเห็นแผลเพื่อดูความเป็นไปได้ แล้วถ้ามันมีหยดเลือดเต็มไปหมดในที่เกิดเหตุมันดูไม่ยาก แต่มันเหมือนมีใครไปสรุป แล้วมีใครไปให้ประเด็นกับญาติ ไปให้ประเด็นกับสื่อ มันก็ยิ่งทำให้เกิดความระแวง การไปพิสูจน์ทราบก็ยาก การไปกล่าวหาคนอื่นก็ยาก
ผู้ที่ปืนมีอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องตอบคือแล้วได้ตรวจเขม่าปืนของคนอื่นไหม ความแปลกก็คือคนตายกลับถูกสวมถุง แต่คนที่ตั้งข้อสงสัยได้ตรวจเขาไหม ตรวจภายในกี่ชั่วโมง บอกไว้เลยนะคะว่าถ้าตรวจแล้วไม่เจอ อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเขม่ามันจะอยู่ได้แค่แป๊บเดียว ถ้าเขาไม่ได้ตรวจภายใน 6 ชั่วโมงแสดงว่าคุณไม่มีความรู้แล้ว เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เอามาประกอบแล้วเอามาบอกได้ รวมไปถึงการยิงทะลุผ่านเสื้อไปจะไปเจออะไร ไม่ยากเลยค่ะ แต่ต้องจำลองเหตุการณ์โดยมีคุณหมอนิติเวชเข้ามาอยู่ด้วย”
ต้องมีทั้งพิสูจน์หลักฐานและนิติเวชร่วมกัน?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ใช่ค่ะ คุณหมอจะเป็นตัวนำก่อน โดยแผลจะเป็นตัวตั้งต้น เพราะหลักฐานในที่เกิดเหตุมันถูกเปลี่ยนไปหมด พนักงานสอบสวนก็จะเอามาเชื่อมว่าตรงกับคำให้การของใครว่าอย่างไรบ้าง”
คำกล่าวอ้างที่บอกว่าปืนลั่นใส่คีย์บอร์ดแล้วลั่นใส่ขมับทะลุออกทำให้คีย์บอร์ดแตก มองว่าปืนน้ำหนักไม่ได้มากพอที่จะหล่นไปลงคีย์บอร์ดแล้วแตก โอกาสมันเป็นไปได้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็เพราะผู้ไม่รู้และยังรู้ไม่ครบชอบสรุป พอสรุปแบบนึ้มันทำให้ยุ่งไปหมด มันทำให้เกิดความระแวง ญาติคนตายคือผู้สูญเสีย เขาย่อมระแวงทั้งๆที่จริงๆมันอาจจะไม่มีอะไรนะคะ แต่จากการที่มันให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนแล้วดูจะไม่เป็นธรรม มันเลยทำให้เกิดการไม่ยอมรับ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะไปป้ายสีคนใดคนนีง เพราะเคสนี้ปืนเป็นของใครมันรู้อยู่แล้ว มันมีวิธีพิสูจน์ทราบ”
น้องคู่กรณีได้มีการส่งแมสเสจไปหาเพื่อน ว่า “มาด่วนๆ ผมทำปืนลั่นใส่เพื่อน” มันตีความได้หลายแบบมากเลย?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ใช่ค่ะ”
แต่หลังจากนั้นเขาเอาปืนไปโยนทิ้ง โดยแมสเสจว่า “พี่กั้น มาเอาของไปดิ” จากนั้นมีคลิปว่าเหมือนเด็กเอาปืนไปทิ้ง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไปงบเจอปืนขึ้นมาได้ ซึ่งปืนไม่ได้ใหญ่อะไร มันจะหล่นใส่คีย์บอร์ดจนแตกได้เหรอ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “สมมติว่าทีมแรกบอกว่าหล่นใส่คีย์บอร์ดแตก ก็ต้องมาดูว่าเขาตรวจยังไง แต่ถ้าจะให้ตรวจพิสูจน์ซ้ำ เมื่อกี้ที่ชี้มันคือภาพที่แสดงให้เห็นว่าตำรวจไม่รักษาหลักฐานอีกแล้ว เอาคีย์บอร์ดออกจากถุงมาวางในที่เกิดเหตุได้ยังไง แล้วทำอะไรต่อจากนั้นไป แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคีย์บอร์ดอันแรกไหม มันผิดระบบ
อย่างนี้ถ้าเกิดว่าญาติต้องการให้อีกหน่วยนึงพิสูจน์ให้ได้ว่าตกลงใช่ปืนตกคีย์บอร์ดจริงไหม มันทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นวัตถุพยาน จะเอาออกจากห่วงโซ่วัตถุพยานไม่ได้ ถ้าจะเอาออกต้องเอาออกโดยนักนิติวิทยาศาสตร์ มันต้องไม่ใช่พนักงานสอบสวนทำ เพราะมันเป็นพยานหลักฐาน ต้องให้คนที่เชี่ยวชาญทำ และควรจะทำคู่กับหมอก่อน ที่พูดเช่นนี้เพราะมันเป็นประเด็นว่าปืนตกใส่คีย์บอร์ด ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นจริงมันง่ายมากเลย เพียงตรวจหาสิ่งที่เป็นปืนไปติดที่คีย์บอร์ด แล้วเขาได้ทำรีเปล่า”
ปืนตกไปที่คีย์บอร์ดแล้วลั่นเข้าขมัด จะไปออกกกหูยังไง จากที่ปืนมันวางอยู่ต่ำ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ตัวแปรคือตำแหน่งของร่างกาย เราไม่รู้ว่าเหยืออยู่ท่าไหน แต่มันไม่ยากที่จะพิสูจน์ อย่างที่บอกต้องเอาให้แม่นก่อนว่าปืนตกใส่คีย์บอร์ดไหมก่อน มันไม่ยากเลย มันมีสูตรทางวิทยาศาสตร์ เหมือนตอนที่ใบพัดตัดเข้าไปที่ขาแตงโมรึเปล่า คือการตรวจหาอณูของสองวัตถุ ส่วนตรงขมับจะเข้าได้ไหม มันไม่ได้แปลว่าไม่ได้ เราต้องมาดูว่ากระสุนมันเข้าตรง เข้าแฉลบ รูเข้ามันจะบอก รูกลมแสดงว่าตั้งฉาก รูเอียงแปลว่าเอียง พวกกับทิศทางและระยะยิง ก็พอจะบอกได้ ที่เห็นจากภาพคือเขม่ากลมรอบรู มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถ้ากระสุนเข้าแล้วเบ้าตาแตก มันจะเขียว มันจะกลมรอบตา ไม่ใช่รอบรูเข้าแล้วก็ต้องวัด พอยิงแล้ววัดจะรู้เลยว่าระยะยิงเท่าไหร่ นั่นคือการจำลอง ถ้าไม่ได้ปืนมาไม่มีทางรู้”
คุณแม่ฟังแล้วมองอย่างไรบ้าง?
แม่ตั๊ก : “เราต้องการมาหาความจริง ในสิ่งที่ดำเนินมา วัตถุพยาน หลักฐานอะไรก็ยังไม่ออก แล้วก็รู้สึกว่าด่วนสรุปคดีเร็วเกินไป โดยที่เราสามารถตรวจทุกอย่างได้หมด จนตอนนี้เอาตรงๆ ขอพูดในฐานะแม่คนนึง ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อ แต่เรามองดูแล้วเรารู้สึกขัดแย้ง เรารู้สึกสงสัยในทุกอย่าง คุณไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เราก็จะยอมรับ เรายอมรับได้ แต่กรณีเอาปืนไปที่โรงเรียนก็อีกเรื่องนึง”
ทนายมองยังไงเรื่องการเอาปืนไปโรงเรียน?
ทนายโป้ง : “เป็นเรื่องของความปลอดภัยในสถานที่ โรงเรียนเป็นสถานศึกษาควรมีความปลอดภัยอย่างสูงไม่ต่างจากบ้าน ในเมื่อพ่อแม่เขาไว้วางใจครูอาจารย์เอาลูกของเขาไปอยู่ที่นั่นวันละประมาณ 4-6ชั่วโมง คุณต้องดูแลสวัสดิภาพเขา ล่าสุดผมนัดกับผู้กำกับไปที่โรงพักบางบัวทอง เพราะผู้กำกับบอกว่ามีวงจรปิดแล้ว หลังจากที่ไม่มีใครถามเรื่องนี้เลย แกบอกว่าในห้องไม่มี แต่นอกห้องมี อย่างน้อยนอกห้องเช้าวันเกิดเหตุจะเห็นว่าคู่กรณีเขาเดินเข้าโรงเรียนแบบไหน ที่บอกว่าเสื้อกันหนาวพันปืนมามันพันมายังไงเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์นานขนาดไหน หลังจากเกิดเหตุแล้วมีใครวิ่งออกจากห้อง”
เอาเสื้อหนาวพันปืนมา พอจะใส่สะบัดปืนเลยหล่น แล้วอีกทีบอกเอาปืนใส่ในเสื้อหนาวมา ทำไมพูดไม่เหมือนกันซักครั้งเลย?
ตาตั้ม : มันมีหลายสเต็ป หลายช็อตมากที่ผมได้รับรู้มา ผมเลยงงมากว่ามันคืออะไร”
แม่ได้ขอดูกล้องวงจรปิด?
แม่ตั๊ก : “วันนี้มีการนัดเข้าไป เรียนขอเข้าไปดู คุณตำรวจได้มีการพูดคุยมาบอกว่าไม่ต้องไปออกรายการหรอก จะไปออกทำไม ตอนแรกแกจะไรท์แผ่นให้แม่ ถ้าไปออกแล้วคงจะไม่ได้ไรท์แผ่นให้ แต่แผ่นซีดีนี้ต้องถูกส่งไปให้กับทางอัยการอยู่แล้ว เขาบอกว่ามันก็คดีง่ายๆแหละ เหมือนคดีก่อนหน้านี้”
คดีง่ายๆเหมือนคดีคุณแตงโม?
ตาตั้ม : “ตอนนี้ผมสงสัยเรื่องเด็กนักเรียนที่พอเกิดเหตุแล้วครูปล่อยตัวจากห้องเรียน แล้วให้เขาเอาปืนไปให้เพื่อนได้ยังไง นี่คือสิ่งที่เราพยายามวิเคราะห์กัน”
ยายจ๋า : “เราสงสัยกันอยู่ว่าพอเกิดเหตุแล้วปืนเอาไปโยนทิ้งที่คลองได้ยังไง แล้วกลับมานั่งในสุานที่ที่เกิดเหตุได้ยังไง”
แม่ตั๊ก : “แล้วคนที่ตะโกนไปบอกคุณครูเป็นผู้ก่อเหตุ แล้วทำไมถึงแจ้งว่าเป็นน้องอีกคนนึง ซึ่งคนที่ก่อเหตุเป็นคนบอกว่าคีย์บอร์ดระเบิด”
ยายจ๋า : “มีน้องๆหลายคนบอกมาแบบนี้ แต่พอคุณครูแจ้งว่าอีกคนนึงบอก ไม่ใช่คนก่อเหตุ”
ตาตั้ม : “ครูให้ข่าวว่ามีเด็กตะโกนบอก ไม่ใช่คนที่ก่อเหตุ”
ยายจ๋า : “คำพูดแต่ละครั้งไม่เคยตรงกันซักครั้งเลย”
คุณหญิงหมอถึงกับถอนหายใจ?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็ไม่ยอมปฎิรูปตัวเองกันเสียทึ ก็เกิดความไม่ไว้วางใจแล้วยังไปขู่อีก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิทธิ์ของญาติที่จะรู้ค่ะ”
อย่างให้เรื่องนี้เป็นอย่างไรต่อ?
แม่ตั๊ก : “ก็อยากให้ทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาจำลองเหตุการณ์ เราจะยังไม่เผาน้องโชคจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงของคดีนี้ ตอนแรกเรากำหนดไว้ว่าจะเผาวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) แต่ตอนนี้ไม่เผาแล้วจนกว่าจะได้รู้ข้อเท็จจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
คุณแม่ทำแบบนี้ได้ไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ได้ค่ะ เพราะสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือก ความเหมาะสมก็คือศพถูกผ่าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางทีมแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และทีมที่เกิดเหตุก็เข้าที่เกิดเหตุด้วย เรามีการตรวจเรื่องปืนว่ามันจะยิงเอง ลั่นเองได้ไหม มีเหมือนกันหมดกับทางตำรวจ คุณแม่เพียงไปยื่นเรื่องที่ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าจะให้เร็วก็ไปยื่นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรม มันจะเร็ว”
ทนายโป้ง : “ต้องให้คุณหมอของสภานิติเป็นคนร่วมด้วยนะ”
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “เขารู้อยู่แล้วว่าเคสนี้มันต้องใช้การจำลอง คุณหมอจากสถาบันนิติดูทั้งที่เกิดเหตุและศพ ทางสถาบันนิติก็ดูที่เกิดเหตุ ฉะนั้นมันถึงจะตอบได้”
ครอบครัวยังติดใจอะไรอยู่อีกไหม?
น้าต้อม : “การตรวจพิสูจน์จากคนที่ทำปืนลั่นใส่ มันพูดออกมาหลายประเด็น เมื่อกี้คุณลุงได้พูดไปแล้วในแง่ของปืนตก ในแง่ของผมซึ่งถ้าปืนลั่นเข้าที่เบ้าตาลงพื้น แล้วไปโดนกำแพงข้างบน แล้วกระเด็นมาโดนคีย์บอร์ด นี่คือข้อมูลจากเพื่อนน้องโชค และทางตำรวจ มีรอยตกกระทบที่กำแพง”
คีย์บอร์ดสามารถพิสูจน์ได้ไหมว่าไปโดนกระสุนจริง?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ได้หมดเลยค่ะ หลักการคืออะไรที่ไปสัมผัสกันมันจะทิ้งมวลสารเอาไว้ซึ่งกันและกันก็เอาไปตรวจหาได้”
จริงๆเรื่องนี้มันค่อนข้างจะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปอีกพอสมควรว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่การที่ออกมาสรุปแล้วว่ามันเป็รอุบัติเหตุปืนหล่น มันเร็วเกินไปไหม?
ทนายโป้ง : “เร็วไปมากๆเลยครับ คนตาย1 คนปกติตำรวจสันนิษฐานเลยนะ ถ้าเป็นผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ สองชู้สาว สามเรื่องของการเมือง เขายังสันนิษฐาน 3 ทางเลยนะ แต่นี่เด็กคนนึงตายคุณบอกเลยว่าอุบัติเหตุ มันง่าย มันเร็วไปรึเปล่า มีช้อยส์ให้เขาเลือกไหม ต้องมีช้อยส์ให้เขาเลือกสิว่าอาจจะเป็นปืนลั่น เล่นปืนแล้วพลาด หรือจงใจ เจตนายิง นี่ออกมาเลยว่าอุบัติเหตุ มันสั้น มันเร็วไปเหมือนฟาสแทรค สรุปจบแล้ว”
แล้วคดีก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเคลียร์นะ บอกว่าเป็นเพื่อนรักกัน แต่ทางครอบครัวบอกไม่จริง ลูกเขาไม่เคยพูดถึงเด็กคนนี้?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “อันนี้เป็นการเอาสิ่งแวดล้อมมาลดความครางแครงใจซึ่งเขาห้าม เขาให้วิทยาศาสตร์และหลักฐานเป็นตัวพูดก่อนไม่ใช่เอาสิ่งแวดล้อมเป็นตัวทำให้มันเจือลงไป ให้ฟังสิ่งที่พบก่อน”
น้าต้อม : “คุณตำรวจพยายามจะสื่อว่าโชคกับคนก่อเหตุเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกัน รักกัน วิ่งเล่นด้วยกันตลอด ซึ่งเราไม่เชื่อ เพราะเราไม่เคยเห็นหรือรู้จักคนก่อเหตุเลย ไม่มีความสนิท เขาไม่เคยพูดถึงเลย แล้วเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะไม่ค่อยรู้จักเขาด้วย เพราะเขาไม่มาโรงเรียน”
แม่ตั๊ก : “ไม่มาโรงเรียนจนคุณครูต้องไปตามให้มาเรียน ในวันนั้น วันที่เกิดเหตุที่เขามาโรงเรียน”
โชคเคยไปมีเรื่องกับเขาไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้เราไม่รู้ โชคจะเป็นคนที่อยู่กับเพื่อนผู้หญิงก็ได้ อยู่กับเพื่อนผู้ชายก็ได้ เป็นคนไม่พูด”
เคยมีข่าวว่าเขาต่อยกันแล้วโชคชนะ เคยได้ยินไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้แม่เคยได้ยินมา”
ยายจ๋า : “ถ้าเป็นเด็กต่อยตีกัน เด็กก็คือเด็ก แต่เรื่องที่โชคจะไปตามเอาเรื่อง ฝังใจเจ็บโชคไม่มี”
ทางรายการ “โหนกระแส” ได้ต่อสายโฟนอินไปหา “พต.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ปืนลั่นว่ามีโอกาสขนาดไหนที่ปืนหล่นลงมาแล้วจะมาเข้าที่ใต้ตาซ้ายไปทะลุออกท้ายทอย แล้วไปโดนกำแพง แล้วไปโดนคีย์บอร์ดได้?
พต.ต.ต.วิชัย : “ปืนตกยังไงก็ไม่ลั่นครับ อย่างปืนลูกโม่จะลั่นได้ต้องมือเข้าโกร่งไก ต้องดึงโกร่งไกแล้วนกถึงจะสับ ปืนอื่นๆก็ไม่มีลั่นครับ จะสังเกตดูได้จากร่องรอยทิศทางกระสุน ถ้าบอกปืนลั่นตกที่พื้น เขม่าดินปืนจะต้องตกที่พื้นที่ ต้องไปดูว่าที่พื้นมีรอยตกไหม ไปตรวจเสีย ถ้าปืนที่ใช้มือยิง เขม่าก็จะอยู่ที่มือ มันต้องมี ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูแค่นี้เลยครับ”
ลักษณะเหมือนปืนไทยประดิษฐ์มันจะแน่นหนาเหมือนปืนลูกโม่ที่เขาทำกันมา?
พต.ต.ต.วิชัย : “ไทยประดิษฐ์ยังไงก็เหมือนกัน ไม่มี ระบบเหมือนของจริงแหละ เพียงแต่ทำโดยคนไทย ทุกอย่างเหมือนกันหมด ระบบการลั่นไกเหมือนกันหมดครับ”
มองว่ายังไงก็ต้องมีคนเหนี่ยวไก?
พต.ต.ต.วิชัย : “ต้องมีคนเหนี่ยวครับ ดูรอยบาดแผลจากตัวคนก็ได้ครับ ว่ารูกระสุนเข้าทางไหน ทะลุกี่องศา อย่างไร ต้องดูได้ครับ”
ตอนนี้คดีนี้ได้มีการสรุปออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุปืนตกก็เลยลั่นขึ้นมา ในมุมของท่าน พต.ต.ต.วิชัย ถือว่าสรุปเร็วไปไหม?
พต.ต.ต.วิชัย : “ผมว่าต้องดูพยาน หลักฐานต่างๆของนิติวิทยาศาสตร์ ทางนิติเวช ต้องดูทั้งหมดครับ ยังไงก็ขอให้ทำให้ถูกต้อง เพราะมันจะเป็นตัวอย่างในการสืบสวนสอบสวนคดี ถ้าเราบิดเบี้ยว ต่อไปคนก็จะไม่เชื่อถือ ทุกอย่างมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ครับ”
คุณหญิงหมอพรทิพย์เห็นด้วยไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “เขาทำงานจริงไง เขาเลยรู้ เขาจะไม่เชื่อว่าปืนลั่นตั้งแต่แรก ถึงได้ถามไงว่าตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุกี่โมง แล้วใครเป็นคนไป”
การที่ตำรวจไปถึงกี่โมงมันไปเชื่อมโยงยังไง?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “บางทีมันติดคดีนั้นคดีนี้ กว่าจะมา แล้วอาจจะให้ใครมาก่อน เลยไม่ได้ดู พอเขาพูดแบบนี้นักข่าวมาก็ไปเลย เป็นคีย์บอร์ดระเบิด มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ เหตุปั๊บมันรู้เลยว่าเป็นกระสุนปืนไม่ใช่คีย์บอร์ด คนที่ทำงานด้านนี้ต้องรู้”
คุณแม่ได้เจอกับเด็กที่เอาปืนไปบ้างรึยัง?
แม่ตั๊ก : “วันก่อนเขามาขอขมาศพ ติดต่อแม่มาแต่เช้า แม่ก็ไปรอที่วัด ไปๆมาๆเขาจะไม่มา จะให้พ่อกับแม่เขามาแทน แม่ก็บอกไปว่าถ้าไม่มีอะไรก็มา ลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับ ไม่ต้องกลัวอะไร ทางเราก็รอถึงเย็นกำลังจะสวดแม่เขามา แล้วตามลูกมา เขาถึงได้มาขอขมาศพโชค แต่ตัวแม่ไม่ได้คุยกับเขา เรารู้ว่าเขาไม่ได้มีน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ก่อนที่จะโทรมา ก็ยังห้าวเหมือนเดิม”
ยายจ๋า : “น้ำเสียงไม่สลดเลยค่ะ”
แม่ตั๊ก : “อย่างเช่น แม่ผมไม่ได้เป็นคนทำ ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ผมเป็นอย่างนี้ เอาไปอย่างนี้เพราะอะไร ค่อยเจอกันไหม ผมแน่นไปหมด อย่าไปเจอลูกกับคนแบบนี้ ไปอยู่บนสวรรค์ไปเป็นเทวดา กับคนแบบนี้อย่าไปเจอ”
เห็นว่าคนนี้มีปัญหากับคนชื่อต่อ แล้วต่อเป็นเพื่อนกับโชคไหม?
แม่ตั๊ก : “อันนี้เป็นการแอบอ้างของผู้ก่อเหตุ เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันจริง เป็นเพื่อนในระดับชั้นเดียวกันห้องเดียวกัน มันก็เพื่อนกันหมด มันเลยไม่ได้แบ่งแยกว่าโชคจะสนิทกับคนนี้ สนิทกับคนนั้น เพื่อนทุกคนสนิทกับโชคหมด”
ได้มีโอกาสเห็นภาพในที่เกิดเหตุ ที่นอนนอนพับไปแล้วเห็นบริเวณที่เกิดเหตุในลักษณะที่มีหยดเลือดเป็นดวงๆเหมือนสีป้ายไปมา ตรงนั้นบอกอะไรได้ไหม?
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “บอกได้ค่ะ มันเป็นอีกหนึ่งสาขาทางนิติวิทยาศาสตร์ แพทเทินของคราบเลือดมันจะเล่าว่าใครขยับอะไร กระสุนปืนประเภทนี้ยิงปั๊บก็หมดสติ ฉะนั้นตัวเขาจะเคลื่อนเองไม่ได้ ต้องไปไล่ดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงมีหยดเลือดออกมาเป็นกองๆนี้ แล้วก็มีรอยปื้นเหมือนใครเช็ดอะไร รอยปื้นนั้นแสดงให้เห็นว่าจะต้องไปติดกับกางเกงของใครคนนึง เราจะต้องไปสอบปากคำคนที่ช่วยชีวิตด้วย เพราะคนที่ช่วยชีวิตคงจะไม่ไปยุ่งกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ตัวคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ถ้าเป็นคนยิง มีคนเดียวก็ต้องดูว่ากางเกงเขาเปื้อยไหม ถ้าไม่เปื้อนแล้วนี่คือกางเกงใครที่เปื้อย ไปเปลี่ยนกางเกงไหม อะไรประมาณนี้ มันบอกได้หมดทุกอย่าง รอยเลือดมันเล่าเรื่องราวได้ทั้งหมด”
ตอนแรกทนายโป้งแค่จะมาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่พอทนายได้มาสัมผัสกับคดีแล้วคิดว่าจะเอายังไงต่อไป?
ทนายโป้ง : “ต้องให้โอกาสพนักงานสอบสวน สภ. บางบัวทอง พิสูจน์ฝีมือ พิสูจน์ความตั้งใจ พิสูจน์เรื่องของนิติวิทยาศาสตร์ ต้องให้ตำรวจเปิดใจที่จะให้หน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบด้วย ไม่ใช่คุณชงเอง กินเอง ทำเองหมดทุกอย่าง เรามีระบบตรวจสอบทุกอย่าง ต้องฝากถึงท่านผู้การจังหวัด ผู้กำกับ สภ. บางบัวทอง เปิดใจให้กว้าง ให้หน่วยงานอื่นร่วมพิสูจน์ด้วยน่าจะดีที่สุด”
ตำรวจบอกว่าคดีนี้ง่ายแต่ทำให้มันยากกันไปเอง?
แม่ตั๊ก : “ใช่ค่ะ เขาบอกว่าคดีนี้ก็เหมือนคดีคุณแตงโม ไม่มีอะไรยาก มันง่าย แต่มองกันไปเองให้มันยากเลยทำให้มันยาก”
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็คงถึงเวลาแล้วที่มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่มาร้องกับสื่อ แล้วการมาร้องไม่ใช่การเรื่องมาก มันทำให้เกิดภาพสะท้อนของความไม่ไว้วางใจ ต้องเปลี่ยนแปลงทำให้มันดีขึ้นให้ได้ค่ะ”
ทางรายการ “โหนกระแส” ยังได้ต่อสายถึง “ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมข้อมูลจากการตั้งข้อสังเกต ซึ่งยังคาใจครอบครัวอยากจะส่งเรื่องให้กับทางนิติวิทยาศาสตร์ช่วยตรวจพิสูจน์ จำลองเหตุการณ์ ซึ่ง ร้อยตรีธนกฤต เผยว่า.…
ร้อยตรีธนกฤต : “ยินดีรับเรื่องเข้าตรวจสอบ ให้มายื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรมก่อน แล้วเราจะดำเนินการให้ ทางเราจะช่วยคลายปัญหาให้”
สุดท้ายนี้ทางครอบครัวอยากจะพูดอะไรไหม?
แม่ตั๊ก : “ที่มาออกรายการวันนี้เพราะอยากได้รับความจริง ข้อเท็จจริงทุกอย่างเกี่ยวกับคดีของโชคให้มีความชัดเจนมากขึ้น มันพูดไม่ออก ลูกเราไม่สามารถจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว ก็ไม่ได้จะไปโกรธแค้นใครนะ เราเพียงแค่หาความจริงให้ลูกเราแค่นั้นเอง”
ทางโรงเรียนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้?
ทนายโป้ง : “แน่นอนครับ เด็กอยู่ในความปกครองของคุณ ครูบาอาจารย์ ผอ. โดยเฉพาะครูที่สอนในวิชานั้น มีส่วนเกี่ยวข้องที่สุด จำเป็นต้องออกมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ”
ไปเปลี่ยนกางเกงไหม อะไรประมาณนี้ มันบอกได้หมดทุกอย่าง รอยเลือดมันเล่าเรื่องราวได้ทั้งหมด”
ตอนแรกทนายโป้งแค่จะมาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่พอทนายได้มาสัมผัสกับคดีแล้วคิดว่าจะเอายังไงต่อไป?
ทนายโป้ง : “ต้องให้โอกาสพนักงานสอบสวน สภ. บางบัวทอง พิสูจน์ฝีมือ พิสูจน์ความตั้งใจ พิสูจน์เรื่องของนิติวิทยาศาสตร์ ต้องให้ตำรวจเปิดใจที่จะให้หน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบด้วย ไม่ใช่คุณชงเอง กินเอง ทำเองหมดทุกอย่าง เรามีระบบตรวจสอบทุกอย่าง ต้องฝากถึงท่านผู้การจังหวัด ผู้กำกับ สภ. บางบัวทอง เปิดใจให้กว้าง ให้หน่วยงานอื่นร่วมพิสูจน์ด้วยน่าจะดีที่สุด”
ตำรวจบอกว่าคดีนี้ง่ายแต่ทำให้มันยากกันไปเอง?
แม่ตั๊ก : “ใช่ค่ะ เขาบอกว่าคดีนี้ก็เหมือนคดีคุณแตงโม ไม่มีอะไรยาก มันง่าย แต่มองกันไปเองให้มันยากเลยทำให้มันยาก”
คุณหญิงหมอพรทิพย์ : “ก็คงถึงเวลาแล้วที่มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่มาร้องกับสื่อ แล้วการมาร้องไม่ใช่การเรื่องมาก มันทำให้เกิดภาพสะท้อนของความไม่ไว้วางใจ ต้องเปลี่ยนแปลงทำให้มันดีขึ้นให้ได้ค่ะ”
ทางรายการ “โหนกระแส” ยังได้ต่อสายถึง “ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมข้อมูลจากการตั้งข้อสังเกต ซึ่งยังคาใจครอบครัวอยากจะส่งเรื่องให้กับทางนิติวิทยาศาสตร์ช่วยตรวจพิสูจน์ จำลองเหตุการณ์ ซึ่ง ร้อยตรีธนกฤต เผยว่า.…
ร้อยตรีธนกฤต : “ยินดีรับเรื่องเข้าตรวจสอบ ให้มายื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรมก่อน แล้วเราจะดำเนินการให้ ทางเราจะช่วยคลายปัญหาให้”
สุดท้ายนี้ทางครอบครัวอยากจะพูดอะไรไหม?
แม่ตั๊ก : “ที่มาออกรายการวันนี้เพราะอยากได้รับความจริง ข้อเท็จจริงทุกอย่างเกี่ยวกับคดีของโชคให้มีความชัดเจนมากขึ้น มันพูดไม่ออก ลูกเราไม่สามารถจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว ก็ไม่ได้จะไปโกรธแค้นใครนะ เราเพียงแค่หาความจริงให้ลูกเราแค่นั้นเอง”
ทางโรงเรียนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้?
ทนายโป้ง : “แน่นอนครับ เด็กอยู่ในความปกครองของคุณ ครูบาอาจารย์ ผอ. โดยเฉพาะครูที่สอนในวิชานั้น มีส่วนเกี่ยวข้องที่สุด จำเป็นต้องออกมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ”