วันที่ 18 ก.ย.2565 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กPaisal Puechmongkol ระบุว่า
บรรทัดฐานการนับเวลาการดำรงตำแหน่งที่ยังสับสนกันอยู่!!!!
ก่อนหน้าที่จะมีการจัดทำเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร และก่อนหน้าที่จะมีการอ้างเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญในเรื่องการนับเวลา เคยมีคำวินิจฉัย เรื่องการนับเวลาที่แตกต่างกันมาหลายเรื่อง
1 ในปี 2544 มีคดีเป็นปัญหาเกี่ยวกับการนับเวลา ในกรณีที่มีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ต่อเนื่องจากรัฐธรรมนูญเก่ามีคำวินิจฉัยว่าให้นับเวลาตั้งแต่รัฐธรรมนูญใหม่ใช้บังคับ
2 คดีไม่แจ้งทรัพย์สินของนายดอน ปรมัตถ์วินัย มีคำวินิจฉัยว่าให้นับเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ!!!
3 คดีขาดคุณสมบัติของนายสิระ เจนจาคะ ซึ่งเคยถูกคำพิพากษาจำคุกในปี 2538 วินิจฉัยว่าคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ2560 ต้องใช้กับกรณีการถูกจำคุกของนายสิระ ด้วย คือใช้ย้อนหลังไป 22 ปี
4 คดีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งนายกสมัยแรกและเข้ารับตำแหน่งนายกสมัยที่ 2 หลังเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 วินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 264 ให้ถือเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 จึงดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมาหลังเลือกตั้งแล้ว จึงไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช. เพราะเป็นการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องตลอดมา!!!!!
คำวินิจฉัยเรื่องไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อปปช.นั้น เป็นบรรทัดฐานการนับเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ว่านับตั้งแต่มีพระบรมราชโองการ 24 สิงหาคม 57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง จนรับตำแหน่งใหม่เมื่อเลือกตั้งแล้วซึ่งจะสอดคล้องกับคดี 8 ปี!!!
สำหรับคดีดำรงตำแหน่ง 8 ปีครั้งนี้มีการอ้างเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรค 4 ที่เป็นลายลักษณ์อักษรตามรายงานการประชุมครั้งที่ 500 ซึ่งรับรองโดยการประชุมครั้งที่ 501 เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีนี้ ซึ่งรายงานการประชุมดังกล่าวได้หักล้างคำชี้แจงของนายมีชัยและรองประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชนิดหงายท้องตกเก้าอี้ ว่าเป็นคำชี้แจงเท็จต่อศาล รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้!!!
ประเด็นแพ้ชนะอยู่ที่ตรงนี้!
ตามคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีได้นับเวลาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ โดยอ้าง คดีนายดอนว่าเป็นบรรทัดฐานการนับเวลา แต่ไม่เอ่ยถึงบรรทัดฐานการนับเวลาในคดีไม่ยื่นทรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์เอง!!!
ผมออกความเห็นทางกฎหมายโดยอาศัยหลักกฎหมายที่มีความแจ้งชัด โดยลายลักษณ์อักษร และยืนยันโดยเจตนารมณ์ที่ทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
มิได้ออกความเห็นเพราะความอยากหรือไม่อยากให้ใครอยู่หรือให้ใครพ้นจากตำแหน่งแต่ประการใด