วันที่15 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ บช.ทท.พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้มีข่าวแพร่กระจายในโซเชียล มีเดีย หลายแพลตฟอร์ม กรณีขอให้สังคมช่วยกันตามหาคนเยอรมันสูญหายชื่อ Mr Tim Pössel ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และติดต่อครอบครัวครั้งสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค.65 จากนั้นได้หายตัวไปโดยไม่สามารถติดต่อได้อีกนั้น
ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รับทราบกรณีดังกล่าวตามที่แพร่กระจายในโซเชียล มีเดีย แล้วจากการประสานงานของ Police TV ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทาง Police TV ไว้ ณ ที่นี้ และได้ร่วมเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบและตามหาบุคคลสูญหายรายนี้ด้วยโดยการดำเนินการนั้น ได้ประสานกับกงสุลสถานทูตเยอรมันีประจำประเทศไทยเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อที่จะทำงานบูรณาการไปด้วยกัน จากนั้นได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เร่งสืบหาโดยด่วน รวมทั้งหาข้อมูลการเข้าออกเมืองโดยประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย นอกจากนี้ยังติดต่อไปยังเพจต้นทางที่ลงเรื่องนี้ และกำลังพยายามติดต่อกับครอบครัวของผู้สูญหายอยู่ โดยเมื่อเย็นวันที่ 14 ก.ย.65 ก็ได้รับแจ้งข้อมูลว่า Mr Tim Pössel ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4
สำหรับข้อมูลทั่วไปที่เปิดเผยได้นั้น Mr Tim Pössel มีชื่อเต็มว่า Timothy Benjamin Pösel เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน มีการเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง โดยเข้าครั้งล่าสุดในวันที่ 16 ส.ค.65 และเดินทางประเทศไทยไปล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.65 ตามที่ได้กล่าวไป ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้แจ้งสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือแจ้งไปยัง โซเชียล มีเดีย ทุกแพลตฟอร์มต่อกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และจะหาทางติดต่อครอบครัวของ Mr Tim Posel ให้ทราบความคืบหน้าต่อไป
พล.ต.ต. อภิชาติฯ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้กล่าวขอบคุณ Police TV ที่ได้แจ้งเรื่องนี้มาให้ทราบ และขอขอบคุณสื่อใน social media ทุก platforms ที่ได้ช่วยกันทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีในครั้งนี้ โดยเมื่อสังคมและประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแล้ว ตำรวจก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น นี่คือบรรยากาศที่ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการอย่างย่ิง นั่นคือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยหากความร่วมมือในลักษณะนี้เข้มแข็งแล้ว สังคมก็จะปลอดภัย และการท่องเที่ยวก็จะมีความมั่นคง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยได้อย่างดี นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นี่คือการใช้เทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกเป็นอย่างย่ิง ตำรวจท่องเที่ยวพร้อมเสมอที่จะรับใช้สังคมและประชาชน และดูแลความปลอดภัยคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศทุกคนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย