วันที่ 15 ก.ย.65 ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...
สร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงาน
อยากได้งานเงินเดือนดีๆมั้ยครับ ที่สิงคโปร์กำลังรับสมัคร oil trader ร่วมร้อยคน เดือนละหลายแสน งานกัปตันเรือขนน้ำมันเดือนละหกแสน ที่ประเทศไทยเงินเดือนคนในภาคปิโตรเลียมเฉลี่ยเกือบแสนบาท นักเรียนมัธยมหลายกลุ่มตั้งใจจะเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้
วันนี้จะพาไปเที่ยวสิงคโปร์ ศูนย์กลางการค้าน้ำมันของเอเซียครับ
ชาวสิงคโปร์เริ่มค้าน้ำมันมาร้อยกว่าปี ถือว่าเป็นพวกมีสายตายาวไกล มองเห็นว่าน้ำมันจะมีความสำคัญมากในอนาคต เมื่อเรือเดินสมุทรเข้ามา สิงคโปร์รับไปขายต่อ
ช่วงแรกขายให้เรือประมง
ต่อมา ตั้งโรงกลั่นซื้อน้ำมันดิบจากประเทศใกล้เคียงมากลั่น
ขยับต่อมา มาทำปิโตรเคมี ทำคลังน้ำมัน จนตั้งตัวเป็นตลาดซื้อขายน้ำมันของเอเซียและของโลก
ตอนนี้กำลังขยับไปลงทุนสร้างคลังน้ำมันในจีน กะจะยืดตลาดเอเชียเหนือให้เรียบ
สมัยก่อน การค้าน้ำมันทำแบบเห็นหน้ากันเรียกว่า spot price ยี่สิบปีที่ผ่านมา ซื้อขายน้ำมันกันในตลาดล่วงหน้า ซื้อวันนี้อีก 3 เดือนส่งมอบ จะไปรับกันที่ไหนก็ตามใจ สิงคโปร์จืงเป็นศูนย์กลางของการค้าน้ำมัน เป็นตลาด หมายถืงคนมาซื้อขายกันที่นั่น ราคาขายที่ปั๊มจึงอิงราคาที่ซื้อมาเมื่อสามเดือนหรือหกเดือนหรือหนึ่งปีที่แล้ว
เป็นตลาดที่มีคนขายมาก คนซื้อมาก คนจะอ้างอิงราคาซื้อขายที่นี่
มีบริษัทค้าน้ำมันทั่วโลกมาชุมนุมซื้อขายกันที่นี่เป็นร้อยบริษัท บริษัทค้ารายใหญ่ เช่น Vitol Trafigura Exxon ก็อยู่ที่นี่ การค้าน้ำมันทำเงินให้สิงคโปร์ราว 8% ของ GDP ไม่มีน้ำมันเป็นของตนเอง กลับรวยจากน้ำมันได้มากกว่าผู้ผลิต
มือดีที่สุดของ ปตท ต้องส่งไปประจำที่สิงคโปร์ ไม่งั้นเจ๊ง
ผมมีเพื่อนสิงคโปร์ที่ค้าน้ำมันหลายคน จืงมีความรู้มาเล่าให้ฟัง มันวางแผนว่าถ้าบรรยากาศดีๆจะมาเปิดค้าน้ำมันกับประเทศแถวนี้ มันบอกว่าเมืองไทยที่ตั้ง ฮวงจุ้ยดีเหมือนสิงคโปร์ มีนางกวักศักดิ์สิทธิ์ด้วย เจ้าแม่กวนอิมก็ศักดิ์สิทธิ์
ที่สิงคโปร์ บริษัทน้ำมันแห่งชาติทำหน้าที่บริหารจัดการทั้งหมด บริษัทนี้ชื่อว่า SONC คนเจ๋งมาก นักการเมืองสิงคโปร์ไม่พูดเรื่องน้ำมัน กลัวเชย
@
สิงคโปร์ล้อมรอบด้วยประเทศที่มีน้ำมันคือมาเลเซีย อินโด บรูไน ติมอร์ ออสเตรเลีย มีระบบเทเลคอมดี คนเก่งภาษาและทำงานหนัก ตอนนี้สิงคโปร์เล็ง ติมอร์ อาฟริกา และจีน
การค้าน้ำมันมีเรื่องให้ทำมาก ตั้งแต่ลงทุนในบ่อน้ำมัน ผลิต แปรสภาพเป็นอะไรหลายอย่าง บริหารเรือ ทำประกันภัย คิดค่าขนส่ง มีคลังสินค้า ขายส่ง ขายปลีก ตลาดล่วงหน้า
อีกตลาดที่สำคัญคือ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรที่จะขายให้บริษัทขุดเจาะก๊าซ น้ามันมูลค่ามหาศาล สารเคมี การบำรุงรักษา อุปกรณ์โรงกลั่น โรงแยกก๊าซ โรงงานปิโตรเคมี. ตลาดไทยใหญ่มาก ต่อไปจะขยายไปทั่ว ถ้าทำหน้าที่ลอจิสติกส์ให้ตลาดพม่าได้ เศรษฐกิจไทยจะดี
ประเทศไทยเริ่มการส่งออกน้ำมันแล้ว ซื่งเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก เมืองไทยมีบริษัทค้าน้ำมันอยู่พอสมควร ถ้าเป็นตัวกลางค้ากับลาว พม่า กัมพูชา มาเลย์ จีนตอนใต้ เวียดนามได้ จะกลายเป็นศูนย์การค้าที่สำคัญของย่านนี้ ขืนช้าสิงคโปร์จะมายืดไป
ที่จริงเมืองไทยค้าน้ำมันมานานแล้ว
ตลาดทะเลหลวง เป็นตลาดการค้าน้ำมันที่ไม่มีรัฐใดควบคุม เรือประมงประเทศต่างๆไปเติม ซื้อน้ำมันกันมายาวนานหลายสิบปื ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเรือประมงมากอันดับต้นๆของโลก ได้ประโยชน์มานาน ถือว่าช่วยสงวนทรัพยากรของประเทศ แล้วทำรายได้จากการประมงด้วย
ตลาดน้ำมันดิบ เมื่อประเทศไทยขุดได้น้ำมันประเภทตะกั่วสูง มีแร่ธาตุ โลหะหนักมาก ก็ส่งออกไปให้โรงกลั่นประเทศอื่น ขืนกลั่นเองมีพัง ตัวอย่างคือ โรงกลั่นของเวียดนาม เอาน้ำมันที่ขุดได้มีโลหะมาก กลั่นเข้าไป โรงกลั่นพัง ซ่อมเป็นปี กรณีแบบนี้ ต้องส่งออก แล้วซื้อของที่อื่นมากลั่น โรงกลั่นไทยบางโรงไม่ได้โมเดอร๋นมาก
ตลาดประเทศไม่มีทางออกทะเล อย่างลาวเนี่ย มีกฏหมายระหว่างประเทศไว้ ต้องขาย บางทีลาวสั่งสินค้าผ่านแดนโดยไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ น้ำมันจำนวนมากก็เอาไปสร้างเขื่อนผลิตให้ไทยใช้ บริษัทในเมืองไทยที่ค้าน้ำมันมีมาก เช่น คาลเทกซ์ โมบิล เอสโซ่ เชลล์ ปตท ก็ต้องไปแชร์ตลาดไว้
ตลาดประเทศกัมพูชา เวียดนาม ก็น่าสนใจมาก
ยิ่งมีการค้าอุปกรณ์ อะไหล่ขุดเจาะในพม่ามากยิ่งน่าสนใจ ต้องใช้น้ำมันมาก
เอาจากข้างนอกมาขายต่อ หาเงินเข้าประเทศก็ไม่เลว
มีคนบอกว่า ถ้าเราไม่ขุดน้ำมันมาใช้ สั่งของนอกมาใช้ถูกกว่าไหม
ถ้ารัฐบาลเก็บภาษีก็ราคาเดิม หรือแพงกว่า แต่น้ำมันหลายส่วนได้มาพร้อมกับก๊าซ ยังไงก็ต้องค้าน้ำมันถ้าจะใช้ก๊าซ
ถ้าไม่มีน้ำมัน และก๊าซในประเทศเลย ราคาก๊าซนำเข้าจะแพงกว่าปัจจุบันเป็นเท่าตัว ค่าไฟฟ้าด้วย
เขาไม่ขายก็เรียบร้อย ไม่มีใครกล้ามาตั้งโรงงาน เสี่ยงมาก
ที่สำคัญ จะมีแต่เงินไหลออก ปีละหลายสิบบิลเลี่ยน ห้าหกปีสำรองเงินตราจะเอาไม่อยู่ครับ
มาแก้กฏหมายการค้าพลังงานให้ทันสมัยแบบสิงคโปร์
มาสร้างกฏหมายพลังงานที่จัดสรรผลประโยชน์ ตามแหล่งสัมปทาน แยกออนชอร์ ออฟชอร์ เขตน้ำตื้น น้ำลืกกัน
แยกตามขนาดหลุมใหญ่ กลาง เล็ก ประมงน้ำลืก ชายฝั่ง และประมงพื้นบ้าน
สู้กับสิงคโปร์ก่อนเขาจะมายืดตลาดการค้าพลังงานเสีย
ผมแนะน้องๆนักเรียนหลายคนให้เดินสายนี้
เอาความเห็นคนแนะแนวนักเรียนมัธยมไปทำนโยบายชาติบ้างก็ได้ 55
เขียนปี2014