วันที่ 14 ก.ย.2565 เวลา 10.00 น.ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นางสาวรสนา โตสิตระกูลรจนา อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาฯกทม.และสก.50 เขต เพื่อให้สภาฯกทม.มีมติไม่เห็นชอบรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่2 มาเป็นหนี้ของกทม.โดยมีนางอุบลรัตน์ จิพยัคฆ์ เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นางสาวรสนา กล่าวว่า การยื่นหนังสือในวันนี้จุดประสงค์เพื่อไม่ให้สภาฯกทม.รับรองการรับโอนหนี้สินและทรัพย์สินของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่2 จากแบริ่งถึงสมุทรปราการ และ จากหมอชิตถึงคูคต ซึ่งเป็นส่วนของจังหวัดปทุมธานี โดยทั้ง 2 ส่วนนี้อยู่นอกเขตของกทม. การที่รัฐบาลสั่งโอนส่วนต่อขยายที่ 2 มาให้กทม.โดยไม่มีงบประมาณสนับสนุนทั้งที่ก่อนการสร้างส่วนต่อขยายที่2 มีการประเมิณชัดเจนว่าส่วนต่อขยายดังกล่าวขาดทุนในเชิงธุรกิจ แต่เป็นผลดีในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากประชาชนต่างจังหวัดสามารถเดินทางมาเข้ามาในกรุงเทพฯได้สะดวกขึ้น ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องสนับสนุนงบประมาณ แต่กลับกลายเป็นว่ายกทรัพย์สินและหนี้สินทั้งในส่วนค่าก่อสร้างและการเดินรถมาให้กทม. โดยที่ผ่านมาผู้ว่าราชการกทม.ได้มีการมอบให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด(KT)ไปทำสัญญากับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(BTS) โดยไม่ใช่ตัวแทนของกทม. ดังนั้น การที่KT ไปทำสัญญากับBTS เป็นสิ่งที่สภาฯกทม.ในอดีตยังไม่มีการเห็นชอบ แต่มีการทำสัญญาเดินรถไปก่อน จึงเกิดภาระผูกพันขึ้นมา

นางสาวรสจนา กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวต้องแก้ไข แต่ไม่ใช่ดึงเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของกทม. โดยตนมองว่า เป็นกลอุบายในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก เนื่องจาก กทม.ไม่มีความสามารถในการรับผิดชอบค่าเดินรถ และค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่2แน่นอน เมื่อไม่มีความสามารถที่จะจ่ายก็ต้องนำรถไฟฟ้าส่วนหลักที่กำลังจะหมดสัญญาในปี 2572 ขยายสัมปทานต่ออีก 30 ปี ตามที่รัฐบาลสั่งมา ทั้งนี้ จะทำให้คนกทม.เสียประโยชน์ เพราะเมื่อครบสัญญาในปี 2572 รถไฟฟ้าส่วนหลักจากหมอชิตถึงอ่อนนุชจะตกเป็นของกทม.แต่หากกทม.ขยายสัมปทานต่ออีก 30 ปีเพื่อแลกกับหนี้ที่ถูกโยนมาจากส่วนต่อขยายที่2 ตนมองว่า คนกทม.ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงไปอีก 30 ปี

“นี่น่าจะเป็นกลอุบายใช่หรือไม่ ในการทำให้กทม.หมดปัญญาใช้หนี้แล้วจะต้องขยายสัมปทานเพื่อใช้หนี้แสนล้าน ดิฉันคิดว่าสภาฯกทม.ต้องไม่รับโอนหนี้สิน หากกทม.รับโอนหนี้สินซึ่งตอนนี้เป็นของรฟม.อยู่ น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผู้ที่ลงมติดิฉันเกรงว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 การที่ดิฉันทำจดหมายมาในวันนี้ เพื่อขอให้สภาฯกทม.พิจารณาในการไม่รับโอนหนี้สินส่วนต่อขยายที่2มาเป็นภาระให้กับกทม.” นางสาวรสนา กล่าว