จากกรณีผู้ปกครอง นักเรียนชั้น ป.4 ร.ร. เทศบาลสวนสนุก สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น ไม่พอใจ ครูเรียกเก็บเงินนักเรียนคนละ 10 บาท เพื่อแสดงมุทิตาจิตแก่ครูเกษียร 10 คน โดยพูดคุยผ่านกลุ่มไลน์ของครูระดับชั้น ป.4 และนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ทราบเรื่อง จึงสั่งการให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากเทศบาลนครขอนแก่น ไม่มีนโยบายให้ครูในโรงเรียน สังกัดเทศบาลนครขอนแก่นเรียกเก็บเงินจากนักเรียน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 13 ก.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ร.ร.สวนสนุก ถนนกลางเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบนายพัฒนา ยอดสะอึก ผอ.ร.ร.เทศบาลสวนสนุก กำลังนั่งพูดคุยกับครู ที่ห้องประชุมเล็กภายในโรงเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้น
นายพัฒนา ยอดสะอึก ผอ.ร.ร.เทศบาลสวนสนุก กล่าวว่า หลังทราบข้อมูล ก็รีบรายงานให้นายกเทศมนตรีนครขอนแก่นทราบเรื้องทันที จากนั้นก็เรียกครูสายชั้น ป.4 มาพูดคุยเพื้อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะที่โรงเรียนมีครูประมาณ 159 คน นักเรียน 60 ห้องเรียน น่าจะมีการสื่อสารบางอย่างที่ผิดพลาด คงต้องหาข้อมูลจากประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม
“จริงๆแล้วการจัดงานมุทิตาจิตให้กับผู้ที่เกษียณอายุราชการ เป็นการแสดงออกถึงการเคารพบูชาครูที่จะแสดงออกแต่ก็มีด้วยกันหลายวิธีเพื่อที่จะให้กำลังใจผู้ที่เกษียณ ที่โรงเรียนจะมีการสู่ขวัญและมีการกล่าวอำลาแต่กรณีที่เผยแพร่ออกไปจริงๆแล้วทางโรงเรียนไม่มีนโยบายทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนกรรมการบริหารโรงเรียน ตลอดจนผู้บริหารท้องถิ่นเทศบาลนครขอนแก่น ก็ไม่มีนโยบายแบบนี้ทางโรงเรียนจะหาข้อมูลข้อเท็จจริงจากครู”
นายพัฒนา กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับครูที่ส่งข้อความดังกล่าว เพราะกำลังหาข้อมูลอยู่ว่า ข้อความนั้นมายังไงมาจากไหน ใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนส่ง อาจจะเป็นการหวังดี แต่การสื่อสารอาจจะผิด แต่ข้อมูลแบบนี้ทางต้นสังกัดไม่มีเคยมีนโยบายแบบนี้ ไม่มีการที่จะเรียกเก็บเงินผู้ปกครองหรือให้ซื้อของที่ระลึกแบบนี้ ไม่มีแน่นอนเพราะเด็กนักเรียน ก็ไม่มีรายได้ ถึงยังไงก็ต้องไปขอจากผู้ปกครอง ประกอบกับสังคมปัจจุบัน เพิ่งจะฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจของผู้ปกครอง ก็ไม่อยากจะไปรบกวนอยู่แล้ว และทางโรงเรียนมีการพูดคุยกับครูในโรงเรียนเป็นประจำอยู่แล้ว ว่าการจะเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองต้องมีหนังสือจากทางโรงเรียน เช่น ซื้อแบบฝึกหัด เครื่องมือ เครื่องเขียนต่างๆ แต่กรณีแบบนี้อาจจะเป็นการสื่อสารผิดพลาด ส่วนจะมีการลงโทษหรือไม่นั้น คงต้องมีการหาข้อมูลก่อนและถ้ามีการเกิดขึ้นจริง ขั้นตอนต่อไปก็คือทางโรงเรียน จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นลำดับขั้นตอนไป เพื่อรายงานผู้บริหารให้ทราบต่อไป