ด้วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก ดังนั้นจึงทำให้ทางกลุ่มเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป  เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทยที่มีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตมหาศาลหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่ง นาย เดวิด เหงียน กรรมการผู้จัดการ ด้านยุทธศาสตร์ความร่วมมือในภูมิภาคอินโดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ได้สะท้อนการดำเนินงานที่จะผลักดันให้โรงแรมในเครือเรดิสัน พร้อมรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวขาเข้าไทย ด้วยการร่วมงานกับพันธมิตรในประเทศ เพื่อขยายพอร์ตการลงทุนของกลุ่มบริษัทให้มีศักยภาพได้อย่างน่าสนใจ

นำเสนอแบรนด์น้องใหม่ที่มีศักยภาพ

นายเดวิด เหงียน กรรมการผู้จัดการด้านยุทธศาสตร์ความร่วมมือในภูมิภาคอินโดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักของโรงแรมในเครือเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเจาะตลาดในประเทศไทย จึงมุ่งเน้นที่แบรนด์ เรดิสัน อินดิวิดวลส์ แบรนด์น้องใหม่ล่าสุด ซึ่งคาดว่า น่าจะได้รับความนิยมจากเจ้าของและนักพัฒนาธุรกิจโรงแรมในไทยที่ต้องการทำธุรกิจกับกลุ่มโรงแรมคุณภาพ ที่มาพร้อมสัญญาที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และมูลค่าการลงทุนที่ลดลง ขณะเดียวกันยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ ลักษณะและบุคลิกภาพของโรงแรมไว้

ส่วนอีกแบรนด์ที่กำลังผลักดันให้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไทยตอนนี้คือแบรนด์ระดับ upper midscale อย่าง พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน (Park Inn by Radisson)ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางค่อนไปทางระดับบนที่นำเสนอบริการแบบปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความอบอุ่นและสะดวกสบายของผู้เข้าพักเป็นหลัก ด้วยการให้บริการที่เป็นมิตร มีความพิเศษและให้ความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้น และอีกหนึ่งแบรนด์ที่เน้นคือ Radisson RED เป็นแบรนด์ระดับ upscale ที่ผสมผสานระหว่างรูปลักษณ์โรงแรมในแบบเดิมมาปรับให้เข้าพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัวให้มีความสนุกสนานด้วยสไตล์การออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งทำให้แขกสามารถสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกเชื่อมโยงและเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างลึกซึ้ง

ตอบสนองเชิงกลยุทธ์ที่มาจากแรงผลักดัน

โดย นายเดวิด กล่าวต่อว่า เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป วางแผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนรูปแบบทางธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุนและเจ้าของโรงแรมแต่ละคนโดยเฉพาะ เป็นการตอบสนองเชิงกลยุทธ์ที่มาจากแรงผลักดันทั้งภายในและภายนอกรวมกัน ทั้งการเติบโตแบบออร์แกนิก ที่เกิดขึ้นด้วยศักยภาพขององค์กรเอง การควบรวมกิจการ รวมถึงการทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธ์ในการบริหาร โดยทุกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทในเครือเรดิสัน มีโครงสร้างการออกแบบของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เรดิสัน คอลเลคชั่น (Radisson Collection) เรดิสัน บลู (Radisson Blu) และ เรดิสัน (Radisson) ขณะเดียวกันก็มุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรีสอร์ทและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ โดยเน้นเลือกทำเลที่ตั้งที่เป็นแหล่งธุรกิจและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และเกาะสมุย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ที่กำลังมาแรงของไทยในขณะนี้

ซึ่งหลังจากประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศอย่างเต็มรูปแบบ  โดยรัฐบาลไทยคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้มากกว่า 7 ล้านคนในปี 2565 ดังนั้นในระยะยาวการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทย จะมีบทบาทสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลุ่มโรงแรมเรดิสันและประเทศไทยโดยรวม  ทั้งนี้จากตัวเลขก่อนโรคโควิดจะระบาด นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทั้งหมดของประเทศ เพราะฉะนั้น เมื่อการท่องเที่ยวขาออกจากประเทศจีนกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งการเป็นพันธมิตรระหว่าง เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป กับ จินเจียง อินเตอร์เนชั่นแนล จึงสามารถสร้างประโยชน์จากตลาดที่สำคัญนี้ ด้วยช่องทางการจองเป็นภาษาจีนและ การชำระเงินดิจิทัลเพื่อเข้าถึงสมาชิกทั้งหมดของรอยัลตี้โปรแกรมที่มีมากกว่า 182 ล้านคน

มุ่งมั่นรณรงค์การเดินทางอย่างยั่งยืน

อีกทั้ง เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยคำมั่นสัญญา ในแนวคิดการจัดการเพื่อทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์โดยกระบวนการกำจัดคาร์บอน (carbon net zero) ภายในปี 2050 รวมถึงการจัดงานประชุมของโรงแรมในเครือเรดิสันทั้งหมดนั้นปลอดคาร์บอน 100% โดยร่วมมือกับผู้นำในภาคอุตสาหกรรมหลายองค์กร เช่น สมาคมโรงแรมภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังเป็นพันธมิตรของ Hotel Sustainability Basics ซึ่งเป็นองค์กรภาคอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ในการขับเคลื่อนการเดินทางอย่างยั่งยืนอีกด้วย

พร้อมกันนี้ นายเดวิด  กล่าวต่อว่า เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังเป็นหนึ่งในสามของเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดและมีแรงขับเคลื่อนมากที่สุดในโลก ด้วยแบรนด์โรงแรมที่โดดเด่น 9 แบรนด์  และโรงแรมมากกว่า 1,700 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก ด้วยโครงสร้างของแบรนด์ที่มีความชัดเจนและมีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ตั้งแต่แบรนด์ระดับกลางไปจนถึงระดับหรูหรา จึงสามารถตอบสนองความต้องการทุกความต้องการทั้งแขกผู้เข้าพัก เจ้าของโรงแรมและนักลงทุนได้เป็นอย่างดี     โดยได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะขยายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในเครือที่ปัจจุบันมีอยู่ 400 แห่ง ให้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 แห่งภายในปี 2568 ในปัจจุบันโรงแรมในเครือเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ในประเทศไทยมีจำนวน 6 แห่ง โดยมีโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่ 4 แห่งในกรุงเทพฯ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 2 แห่ง ที่ภูเก็ตและพัทยา