คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

อีกแค่เพียงสองเดือนข้างหน้าในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 ก็จะถึงวาระครบครึ่งเทอมของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” แล้ว และดูเหมือนว่าตั้งแต่นี้ต่อไปในหกสิบวันนี้จะเป็นช่วงของการที่จะเร่งรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต เพื่อจะช่วงชิงกันว่า พรรคไหนจะมาแรงแซงเข้าไปคุมเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนฯและในวุฒิสภา

โดยบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งใหม่หมดทั้ง 435 ที่นั่ง โดยขณะนี้พรรคเดโมแครตกำลังคุมเสียงข้างมากเหนือพรรครีพับลิกันอยู่แค่เพียง 8 ที่นั่ง นั่นก็คือ 219:211 และยังมีอีกห้าที่นั่งยังว่างอยู่

ส่วนในวุฒิสภาขณะนี้มีที่นั่งของบรรดาวุฒิสมาชิกเท่ากันนั่นก็คือ 50:50 และในการเลือกตั้งกลางสมัยพรรคเดโมแครตจะต้องเลือกตั้งวุฒิสมาชิกใหม่ 14 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันจะต้องมีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกใหม่ 21 คน!!!

ดังนั้นการที่ทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างตั้งความหวังที่จะลงแข่งขันในตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024 ฉะนั้นจึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ทั้งสองฝ่ายต่างจะต้องงัดทั้งกลยุทธ์และชั้นเชิงอันแสนแยบยล เพื่อหวังและต้องการให้พรรคของตนมีชัยเข้าไปนั่งคุมเสียงข้างมากในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022ที่กำลังจะถึงอีกไม่กี่เดือนนี้

อย่างไรก็ตามขณะนี้ดูเหมือนว่าปรอทการเมืองของสหรัฐฯกำลังมีความระอุเข้าขั้นร้อนแรง โดยอันดับแรกสืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยเอฟบีไอจู่โจมเข้าไปค้นบ้านพักและสโมสรส่วนตัวมาร์-อา-ลาโก (Mar-a-Lago) ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมนี้และได้ยึดเอาเอกสารเกือบ 11,000 รายการไปตรวจสอบ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมากล่าวอ้างว่า เอกสารที่หน่วยเอฟบีไอยึดไปนั้น เขามีสิทธิพิเศษในการครอบครอง แต่โดน “อัยการสูงสุดเมอร์ริค การ์แลนด์” ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน  ออกมาโต้สวนกลับอธิบายว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ละเมิดกฎหมายไม่ยอมส่งเอกสารเหล่านั้นไปให้กองจดหมายเหตุแห่งชาติ ตามประเพณีที่อดีตประธานาธิบดีทุกคนปฏิบัติสืบกันมา”

เมื่อวันเสาร์ที่แล้วอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกเดินทางไปหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย และได้กล่าวปราศรัย โดยกล่าวโจมตีเรียกเจ้าหน้าที่ในหน่วยเอฟบีไอที่บุกเข้าไปค้นบ้านของเขาว่า “เป็นพวกสัตว์ประหลาด” แถมเขาได้กล่าวอ้างต่อไปอีกว่า การกระทำทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแผนการของศัตรูทางการเมืองของเขาแทบทั้งสิ้น!!!

และเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2022นี้ “ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ไอลิน แคนนอน” เขตตอนใต้ของรัฐฟลอริดา ได้เขียนคำวินิจฉัยยาว 24 หน้าให้กระทรวงยุติธรรมระงับการนำเอาบรรดาเอกสารที่เจ้าหน้าที่หน่วยเอฟบีไอยึดเอาไปดำเนินการใดๆและให้มีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญพิเศษเพื่อกลั่นกรองเอกสารทั้งหมดตามคำเรียกร้องของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

และในวันที่ 6 กันยายน 2022 นี้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เปิดเผยว่า ผู้พิพากษาไอลิน แคนนอนผู้นี้ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์แปดวันหลังจากที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จึงเป็นเรื่องราวที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า หรือว่าผู้พิพากษาท่านนี้เธอจงใจที่จะเข้าข้างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้การสอบสวนเอกสารเกิดการล่าช้า และแน่นอนว่าเรื่องนี้คงจะขยายความไม่จบง่ายๆบานปลายแน่นอน!!!

อนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่แล้วในการให้สัมภาษณ์กับช่องฟอกซ์นิวส์ของอดีตอัยการสูงสุดวิลเลียม บารร์ ในยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะเอาเอกสารไปเก็บไว้ที่บ้านของเขา ณ มาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริดา”

แปลความได้ว่า เรื่องยุ่งๆอันแสนวุ่นวายของการเมืองสหรัฐฯครั้งนี้ คงจะต้องเป็นหนังซีรี่ย์ม้วนยาวกว่าจะจบ และแน่นอนอีกเช่นกันว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องได้รับข้อหาที่พาตนเองไปพบกับความมัวหมองอย่างแน่นอน!!!

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเผชิญอยู่ในกรณีที่หน่วยเอฟบีไอเข้าไปค้นบ้านพักของเขาในครั้งนี้ ยังได้ส่งผลสะท้อนต่อคะแนนนิยมของเขาอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดจากการหยั่งเสียงของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ซึ่งเป็นสื่อที่สังกัดชิดติดแนบอยู่กับค่ายอนุรักษนิยมได้ออกมาเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 2 กันยายน2022 นี้ว่า ขณะนี้คะแนนนิยมระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ ประธานาธิบดีทรัมป์ มีอยู่ที่ 50:44 เปอร์เซ็นต์

และเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้จากการที่คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเคยตกฮวบลงอยู่แค่เพียง 33% แต่หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนสามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายสภาพอากาศ ร่างกฎหมายที่มีผลให้ราคายาถูกลง ตามมาด้วยการผ่านร่างกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการมีอาวุธปืนในความครอบครอง แถมขณะนี้ราคาน้ำมันกำลังลดลง ผ่านร่างกฎหมายแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และเขายังต้องการที่จะปลดเปลื้องหนี้ที่บรรดานักศึกษากู้ยืมไปเล่าเรียน จึงไม่แปลกที่มีผลทำให้คะแนนนิยมของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดสังเกต

ส่วนคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เคยมีสูสีคู่คี่กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อสองเดือนที่แล้ว แต่กลับปรากฏว่าตอนนี้ตกฮวบลงสุดๆสืบเนื่องมาจากปัญหาที่หน่วยเอฟบีไอบุกเข้าไปค้นบ้านพักของเขานั่นเอง

และเมื่อคะแนนของเขาตกฮวบลงเยี่ยงนี้ จากท่าทีที่เขาเคยฮึกเหิมตั้งความหวังตั้งใจที่จะประกาศลงแข่งขันในเดือนกันยายนนี้ ดูเหมือนว่าอ่อนกำลังแผ่วลงไปมากแล้ว!!!

และถึงแม้ว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะพุ่งสูงขึ้นมาก็ตาม แต่จากการหยั่งเสียงของ YouGov กลับมีผลปรากฏออกมาล่าสุดว่า คนอเมริกันไม่ต้องการให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงแข่งขันมากถึง 66%  อีกทั้งคนอเมริกันก็ไม่ต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงแข่งขันเลือกตั้งอยู่ที่ 58% ด้วยเช่นกัน

เนื่องจากรัฐเพนซิลเวเนียเป็นรัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เกิด และรัฐนี้มีนักการเมืองของพรรคเดโมแครตกำลังลงแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกหนึ่งคน  โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เดินทางไปช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับเพื่อนสมาชิกของพรรคถึงสามครั้งในช่วงหนึ่งสัปดาห์  เพื่อหวังให้พรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะสามารถเข้าไปคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา  และเขาได้กล่าวคำปราศรัยเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วว่า “ข้าพเจ้าต้องการจะเตือนคนอเมริกันทุกๆคนว่า ขณะนี้ระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯกำลังถูกคุกคามจากคนที่มีชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์ และพวกของเขาในพรรครีพับลิกันที่มีหัวรุนแรงต้องการที่จะคุกคามรากฐานของสหรัฐอเมริกาที่มีรัฐธรรมนูญที่มั่นคงติดต่อกันมาถึง 246 ปี”

และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้กล่าวแก้เกี้ยวเปลี่ยนวลีว่า  “กลุ่มหัวรุนแรงที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ มิใช่สมาชิกในพรรครีพับลิกันทุกๆคน” โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า “กลุ่มหัวรุนแรงที่ข้าพเจ้าพูดถึงก็คือ กลุ่มผู้ที่สนับสนุนการล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 นั่นเอง”

และเมื่อวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2022 ที่ผ่านมานี้ซึ่งเป็นวันแรงงาน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กลับไปรัฐเพนซิลเวเนียอีกครั้งและได้กล่าวปราศรัยว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกลางเทอม โดยเขาได้กล่าวเน้นว่า “การเลือกตั้งกลางเทอมในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณของประเทศชาติ”และเขายังได้เสริมเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขณะนี้พรรครีพับลิกันกำลังถูกข่มขู่ ถูกครอบงำ และถูกขับเคลื่อน โดยโดนัลด์ ทรัมป์และสมาชิกในพรรครีพับลิกันพวกที่มีหัวรุนแรง”

และยังเป็นที่น่าสังเกตอีกเช่นกันว่า “วุฒิสมาชิก ลินซีย์ เกรแฮม” นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลของพรรครีพับลิกัน ผู้ที่วางตัวเป็นลิ่วล้อผู้จงรักภักดีต่อเจ้านายเยี่ยงประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมากล่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2022 ที่เพิ่งผ่านมานี้ว่า “หากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตั้งข้อหาทางคดีอาญา การจลาจลคงจะเกิดขึ้นบนท้องถนนอย่างแน่นอน”

นอกจากนั้นนิตยสาร Economist และ YouGov โพลได้เปิดเผยผลการหยั่งเสียงเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมนี้ว่า คนอเมริกันถึง 43% ลงความเห็นว่าโอกาสที่จะเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐฯภายในสิบปีข้างหน้ามีอย่างแน่นอน

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นดูเหมือนว่าประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นแม่แบบอันดีในระบอบประชาธิปไตยเยี่ยงสหรัฐอเมริกา ขณะนี้รากฐานการปกครองกำลังโคลงเคลงง่อนแง่น แถมยังน่าหวั่นวิตกว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองสร้างความเสียหายอย่างย่อยยับ และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆสิ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นละครับ