"อนุทิน" เชื่อภท.โหวตตัดอำนาจสว.ไม่เป็นปัญหาพรรคร่วมรบ. ชี้"นายกฯ"คนต่อไปต้องได้เกิน 250เสียง  ปัดตอบปมเอกสารหลุด ย้ำอยู่ช่วย "บิ๊กตู่" จัดประชุมเอเปก ก่อนลุยเลือกตั้ง ฝ่ายค้านหวังศาลรธน.รับหลักฐานบันทึกการประชุม 501 หลังให้สภาส่งรายละเอียดเพิ่ม ลือสะพัด"เทวัญ"ไขก๊อก เปิดทาง"กรณ์"เสียบหัวหน้า ชพน. ขณะที่ ผบ.ทสส.ยันกองทัพ-ตร.จับตาการเมือง ปมนายกฯ 8 ปี

     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนพรรคภูมิใจไทยกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาโหวตคว่ำ 4 ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับเพิ่มเติม เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว. เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยพรรคภูมิใจไทยจะไม่เป็นปัญหาในการทำงานกับรัฐบาล ว่า เป็นการทำตามหลักการประชาธิปไตย ไม่ได้มีเรื่องกับใคร ตนพูดมาตลอดตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 ไม่ใช่มาพูดเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่าจะต้องเลือกนายกฯ จากตัวแทนที่มาจากการเลือกของประชาชน แต่เราไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ  เราจึงมีหน้าที่เคารพกฎหมาย แต่เมื่อมีการเสนอแก้ไข โดยมีวัตถุประสงค์หลักให้ ส.ส.เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีเราไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่บอกว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นประชาธิปไตยนอกระบบ แต่เป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นว่าเมื่อถึงเวลาที่เราต้องแสดงความชัดเจนในหลักการประชาธิปไตยเราก็พร้อมที่จะทำ
    
 เมื่อถามว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับถูกตีตกการเลือกตั้งครั้งหน้ายังใช้กติกาเดิมคือ ส.ว. มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อะไร และการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจาก คสช. มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การเลือกตั้งครั้งหน้าทุกคนเท่ากันหมด handicap (แต้มต่อ) ต้องเข้าไปแข่งขันให้ประชาชนเลือกเข้ามา ตนเชื่อว่า ส.ว. จะมีดุลพินิจในการเคารพเสียงของประชาชน เอาไว้ให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยว่ากัน
      
 สำหรับผมไม่เชื่อว่าจะมีนายกฯ ที่มีเสียงจากส.ส.ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แล้วมาบวกกับ ส.ว. ไม่เกิน 375 เสียง ผมพูดมาตลอดว่าถ้าเกิดขึ้นจริงนายกฯ คนนั้นคงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก และคงไม่มีใครกล้าที่จะรับตำแหน่งที่มาจากวิถีทางนั้น เชื่อว่าอย่างไรก็จะต้องมีนายกฯ ที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ในการที่จะบริหารราชการแผ่นดิน นายอนุทิน กล่าว
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้านายกฯ จะมาจากสายพลเรือน เพราะอำนาจ 3 ป.เหลือเพียงแค่ปีเดียว นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะเรายึดถือหลักว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ มาจากคนที่ประชาชนเลือกมา และจะเป็นนายกฯ ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นกำแพงค่อยสนับสนุนซึ่งถือเป็นหลักประชาธิปไตยพื้นๆ เมื่อถามย้ำว่า ส.ว.จะโหวตให้นายกฯ ที่มีเสียงมากที่สุดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในทางทฤษฎีต้องเชื่ออย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ก็คือคนที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนจะต้องตอบสนองความต้องการของประชาชน
   
  เมื่อถามว่า ถ้านายกฯ ได้รับเสียงเกิน 250 เสียง ส.ว.จะไม่กล้าฝืนใช่หรือไม่  นายอนุทิน อึ้งไปสักครู่ ก่อนกล่าวว่า ให้มันเกิดขึ้นก่อน แต่ถ้าเกิน 250 เสียงแล้ว ส.ว.ฝืนไปเลือกอีกคนที่มีคะแนนน้อยกว่า 250 เสียง ก็บอกแล้วว่าคนๆนั้นจะน่าสงสารที่สุด แล้วจะทำงานได้อย่างไรแม้ว่า ส.ว. จะพามาได้ แต่ ส.ว. ประคองไม่ได้ ถ้าสมมุติว่าจะเอาแบบนั้นมา ถึงมือพวกตนในฐานะส.ส. เคยเห็นคนโยนไก่ให้จระเข้หรือไม่
   
  นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชี้แจงคำร้องวาระ 8 ปี จำนวน 23 หน้าหลุดในโซเชียล ว่า ให้ความเห็นเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นการหลุดหรือไม่หลุด เมื่อถามว่า มองกันว่าเป็นการจงใจปล่อยออกมาเพื่อโยนหินถามทางวัดกระแสสังคม นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
  
   เมื่อถามว่า ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่อ 4 ปี หรือ 2 ปี พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะเดินหน้าเคียงข้างพล.อ.ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเดินเคียงคู่กับประชาชน เพราะเรารู้ว่าเดือนมี.ค.66 บวกไปอีก 45 วัน ไม่เกิน60 หรือยุบสภาเมื่อไรบวกไปอีก 45 วัน  ไม่เกิน 60 วัน จะต้องมีการเลือกตั้ง เราคิดแค่นี้ เมื่อถามอีกว่า ไม่หวังเป็นนายกฯ ในตอนนี้ แต่หวังเป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนหวังว่ามีโอกาสทำงานมากกว่า โดยพรรคภูมิใจไทยได้เตรียมนโยบายไว้แล้ว จะค่อยๆนำออกมาเสนอให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ตอนนี้ทำงานไปเรื่อยๆไม่มีปัญหาหรือมีเรื่องกับใคร ยึดหลักการในสิ่งที่ควรจะยึด อย่างเรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับเมื่อวานที่ผ่านมาก็เป็นการยึดหลักการของการเป็นประชาธิปไตย ย้ำว่าจะทำงานในรัฐบาลชุดนี้ให้ดีที่สุด และช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกให้ดีที่สุด แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยไปเลือกตั้งกัน และต้องดูผลของการเลือกตั้ง ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนทุกคนที่เข้ามาทำความดีให้กับบ้านเมือง
 
    ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สำนำงานเลขาสภาผู้แทนราษฎรส่งบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ครั้งที่ 501 ไปให้ศาลฯภายในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ว่า แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญยังมีข้อสงสัย ในบันทึกการประชุมของกรธ.ครั้งที่ 500 ที่ระบุว่าไม่มีการรับรองบันทึกการประชุม ที่มีความเห็นของกรธ.แต่ละคนในเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ในขณะนั้นด้วย  ซึ่งในบันทึกการประชุมกรธ.ครั้งที่ 501 ที่ฝ่ายค้าน ได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปยังศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้รับแจ้งว่าจะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญในวันเดียวกันนี้ โดยมีหลักฐานชัดว่าเป็นการรับรองการประชุมครั้งที่ 500  ที่อนุกรรมการได้พิจารณาตรวจสอบแล้วโดยไม่มีการแก้ไขในบันทึกการประชุมนั้นเลย 
  
   ดังนั้นเท่ากับว่าได้รับความเห็นชอบ จึงถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจน และยิ่งศาลฯสั่งให้ทางสภาส่งหลักฐานในส่วนนี้ไป ก็จะยิ่งทำให้ฝ่ายค้านมีความหวังว่าศาลฯจะรับเอาพยานเอกสารหลักฐานของฝ่ายค้านที่ยื่นไปเข้าสู่การพิจารณาด้วย เพราะจะเป็นการหักล้างคำชี้แจงของนายมีชัยที่หลุดออกมาและระบุว่านับวาระ 8ปี จากวันที่ 6 เม.ย.60 หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ แล้วอ้างบันทึกการประชุมที่เคยบอกให้นับปี57 นั้น ไม่ใช่เอกสารสมบูรณ์
    
 "สิ่งที่ฝ่ายค้านไม่ได้แย้งไปคือนายมีชัยให้ความเห็นในเรื่องนี้ในฐานะพยานบุคคล ซึ่งศาลฯได้สั่งให้นายมีชัย ให้ข้อมูลในฐานะเป็นประธานกรธ.  ดังนั้นต้องเอาความเห็นของตัวเองในขณะที่เป็นประธานในขณะนั้น ซึ่งมีบันทึกไว้เรียบร้อยแล้วให้กับศาลรัฐธรรมนูญไป โดยต้องตอบตามนั้น ซึ่งเป็นความเห็นที่ย้อนแย้งกัน จึงเห็นว่าบันทึกของนายมีชัยที่หลุดออกมาในสังคมออนไลน์เป็นเรื่องที่เข้าทางฝ่ายค้าน และเป็นประโยชน์กับการพิจารณาในมุมของฝ่ายค้านเพราะไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ คือมีน้ำหนักไม่พอเพียงหรือขาดความน่าเชื่อถือ และยังเป็นการให้การต่อศาลเป็นเท็จด้วย"นพ.ชลน่าน กล่าว

  วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า ผมเชื่อว่าเอกสารคำชี้แจงทั้งของพล.อ.ประยุทธ์และนายมีชัย เป็นความจงใจปล่อยออกมา เรื่องนี้ทำสอดรับกันเป็นขบวนการ นายวิษณุเริ่มก่อนด้วยการบอกว่าอ่านคำชี้แจงของนายกฯแล้วฟังขึ้น จากนั้นเอกสารของนายมีชัยกับพล.อ.ประยุทธ์ก็ตามมา 3 คนนี้ช่วยกันตีไพ่ หวังให้ศาลรัฐธรรมนูญเก็บน็อคตามนั้น แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ขัดกันของนายมีชัย ซึ่งประชาชนจับได้ในรายงานการประชุม และข้อกฎหมายที่อ้างเอาแต่ได้ของพล.อ.ประยุทธ์ กลับยิ่งทำให้เรื่องนี้มัดตัวแน่นขึ้น ดิ้นยังไงก็ไม่หลุดจากความจริงว่า เป็นนายกฯมาแล้ว 8 ปี
    
 ดูอาการทีมประยุทธ์มั่นใจว่ารอด โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะไม่รอด เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ไร้สำนึก ไม่พอ ไม่เสียสละ ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ถ้าพล.อ.ประยุทธ์หยุด ประเทศไทยจะได้ไปต่อ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ เป้าหมายแลนสไลด์ของพรรคเพื่อไทยจะยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น เพราะยิ่งอยู่นานความเป็นพล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย รวมคะแนนเสียงให้แลนสไลด์เป็นกอบเป็นกำ
   
  ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงพรรคก้าวไกลมีความพร้อมมาโดยตลอด และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ได้มีการเตรียมความพร้อมมาหนึ่งปีกว่า เพื่อให้ครบ 400 เขต ซึ่งใน 1 เดือนที่ผ่านมาได้มีแคมเปญปฏิรูปพรรคชื่อว่า "ก้าวไกล Next" โดยมีการลงพื้นที่ในหลายจังหวัด และในวันที่ 9 ก.ย. ก็จะมีแคมเปญเลือกตั้งที่จะมีการพูดถึงหลักการและอุดมการณ์ รวมถึงผลสำเร็จของพรรคก้าวไกลตลอด 4 ปีที่ผ่านมาในสภา และจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.

     เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลตั้งเป้าจะได้ส.ส.กี่ที่นั่ง นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวตั้งเป้าว่าอยากจะได้มากกว่าครั้งที่แล้ว ตัวเลขไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่อยากจะทำให้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันอยากทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคระดับประเทศจริงๆ นั้นคือต้องมีส.ส.เขตทุกภูมิภาค และไม่ต้องการที่จะเป็นพรรคที่เน้นแค่ภาคใดภาคหนึ่ง หรือเน้นส.ส.ที่มาจากบัญชีรายชื่อเพียงอย่างเดียว เราจึงต้องเตรียมตัวทั้งในเรื่องวิสัยทัศน์ นโยบายและการทำงาน พร้อมกับการเป็นพรรคขนาดใหญ่ในอนาคต
  
   ด้าน นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า นายเทวัญ  ลิปตพัลลภ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นัดประชุมกรรมการบริหารพรรควันที่ 9 ก.ย. ที่ทำการพรรคชาติพัฒนา จ.นครราชสีมา เวลา 14.00 น. โดยมีวาระประชุมเป็นเรื่องทั่วไป อาทิ การสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และคณะ รวมถึงการหารือเพื่อนัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคชาติพัฒนา อย่างไรก็ดีเป็นประเด็นที่กรรมการบริหารพรรคต้องหารือและลงมติร่วมกัน
    
 เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า นายเทวัญจะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรรค นายวัชรพล ปฏิเสธว่า ไม่มีประเด็นดังกล่าวและยังไม่ได้พูดคุยกัน
   
  ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่าพรรคชาติพัฒนาจะมีการรื้อโครงสร้างบริหารภายในพรรค โดยให้นายเทวัญลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรคที่ชัดเจน และให้นายกรณ์ จาติกวณิช ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน ส่วนการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคนั้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายนนี้

 สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ล่าสุด วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม เดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหมตั้งแต่ช่วงเช้า โดยไม่มีวาระงานใดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ความคืบหน้าบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารของทุกเหล่าทัพเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะรักษาการนายกฯ  เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว
 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส..) เป็นประธาน  พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
   
  ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม พล.ท.ธีพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศทั้งในระดับโลกและ