วันที่7ก.ย.65 ที่สภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครและบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระค่าจ้างเดินรถให้กับBTSภายใน180 วัน นับตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สิ้นสุด รวมการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย2สัญญา เป็นเงิน 12,600 ล้านบาท ว่า เรื่องBTSเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องกันตั้งแต่เดือนก.ค.64 กรณีเกี่ยวกับหนี้สินที่ผูกพันกันอยู่ ภายหลังได้รับทราบคำวินิจฉัยของศาลแล้วต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป กทม.ยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน จากนี้ต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายและผู้บริหารกทม.ถึงแนวทางดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า มีเงิน2ส่วนที่ต้องจัดการคือ 1.เงินค่าจ้างส่วนต่อขยายที่1 จำนวน2พันล้านบาท 2.เงินค่าจ้างส่วนต่อขยายที่2 จำนวน 6,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับดอกเบี้ยทั้งหมด กทม.ต้องจ่ายสูงถึง 11,754 ล้านบาท

นายชัชชาติ กล่าวต่ออีกว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่มีการจ่ายมานานแล้ว มีการพยายามนำเข้าครม.เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการต่อสัญญาสัมปทาน แต่ขณะนี้เรื่องยังค้างอยู่ในครม. ทั้งนี้ ประเด็นที่กทม.จะพิจารณาต่อไปคือส่วนต่อขยายที่1 เพื่อหาแนวทางนำมูลหนี้มาเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทาน ซึ่งรอการพิจารณาจากครม.อยู่ในขณะนี้

“พอเรื่องค้างในครม.เป็นสิ่งที่ทำให้เรายังไม่แน่ใจ เพราะถ้าเราจ่ายไปก่อน แต่เรื่องยังค้างอยู่ในครม.แบบนี้ มันก็ยังไม่จบส่วนกรณีส่วนต่อขยายที่2 กทม.มีเพียงหนังสือมอบหมายงานกับบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ยังมีข้อกังวลว่า กทม.มีอำนาจจ่ายหนี้จริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีการรวมตัวเลขที่ชัดเจน และในตัวสัญญาแตกต่างกับส่วนขยายที่1 ซึ่งกทม.จะนำประเด็นสัญญาระหว่างส่วนต่อขยายที่1กับสัญญาส่วนต่อขยายที่2ซึ่งมีความแตกต่างกัน รวมถึงประเด็นกทม.มีภาระกับบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เพียงแค่หนังสือมอบหมายงานเท่านั้น เพื่อนำเรื่องทั้งหมดนี้ชี้แจงในคำอุทธรณ์ต่อไป เพราะเข้าใจว่าการส่งเรื่องชี้แจงในครั้งแรกยังไม่มีประเด็นดังกล่าว ต้องเรียนว่า เราไม่ได้ติดอะไรในเรื่องอดีตที่เราไม่ได้เป็นคนทำไว้ แต่เราอยากจะให้ยุติธรรม ให้รอบคอบที่สุด เพราะสุดท้ายต้องเอาเงินประชาชนไปจ่าย ถ้ามีมุมที่เราอยากได้ความกระจ่างเพื่อความชัดเจน คงอยู่ในคำอุทธรณ์ต่อไปครับ” นายชัชชาติ กล่าว