นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้แถลงข่าวต่อสี่อมวลชน หลังมีประเด็นข่าวนำเสนอข้อมูลโครงการภาครัฐที่ใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาทถูกทิ้งร้าง ไม่สามารถใช้งานได้เกิดประโยชน์ โดยศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยาได้งบประมาณ 774 ล้านบาท ในการดำเนินการก่อสร้างแบ่งเป็น 3 ระยะ หรือ 3 เฟส

   โดยในเฟสที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างในส่วนของสนามฟุตบอล ในปี 2551-2553 งบประมาณรวม 89.5 ล้านบาท ก่อนพบอุปสรรคการทำงานทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ จากนั้นได้ประสานทัพเรือ ภาคที่ 1 ในการจัดกำลังทหารช่างมาดำเนินการต่อเฟสที่ 2 ในปี 2557-2560 ในส่วนของการก่อสร้างอัฒจันทร์จำนวน 5,000 ที่นั่ง ด้วยงบประมาณ 537 ล้านบาท 

   ต่อมาในเฟสที่ 3 เมืองพัทยาได้ทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัทรับเหมาดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อในส่วนของหลังคา อัฒจรรย์ 2,500 ที่นั่ง และระบบระบายน้ำ ในงบประมาณ 398 ล้านบาท โดยได้เบิกจ่ายไปแล้วจำนวน 143.2 ล้านบาท ก่อนจะทิ้งงานไปในที่สุด

  นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวต่อว่า เมืองพัทยาจึงได้ดำเนินการตามสัญญาโดยยึดเงินวางล่วงหน้า 10% จำนวน 38 ล้านบาท และฟ้องร้องเรียกค่าปรับจำนวน 80 ล้านบาท โดยสามารถได้เงินคืนจากประกันแล้วจำนวน 19 ล้าน เหลืออีกประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมาย

  ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับเป็นเรื่องสำคัญเพราะเมืองพัทยาได้วางแนวทางการพัฒนาเมืองให้เป็น Sport Tourism หรือเมืองท่องเที่ยวแห่งกีฬา จะเพิกเฉยต่อโครงการที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไม่ได้ ซึ่งต้องดำเนินการหาผู้รีบเหมารายใหม่เข้าดำเนินการโดยเร็ว เพราะถือเป็นช่วงสูญญากาศตั้งแต่ผู้รับเหมารายเก่าทิ้งงาน

   โดยทางเมืองพัทยาจำเป็นต้องเสนองบประมาณดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนของการก่อสร้างในเฟสที่ 3 ให้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นงบผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2565-2566-2567 รวมจำนวน 249 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการเสนอผ่านที่ประชุมสภาเมืองพัทยาพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอน ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยา จะได้ลุยงานต่อในทันทีช่วงต้นปี 2566 หรือต้นปีหน้า ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีกว่า คาดว่าเฟสที่ 3 นี้จะแล้วเสร็จอย่างเร็วในปี 2568..