คืบหน้าเด็ก 7 ขวบถูกรถกระบะชน แม่เผยไปขอลูกชายจากหลวงพ่อโสธร วันที่ 9 ก.ย.จะครบ 7 ขวบแล้วจะพาไปกราบทุกปี ตามหมอดูทัก หากไม่ไปกราบเขาจะมาเอาคืน แต่ไม่ทันได้ไป  ขณะที่ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างสะพานลอย และแก้ปัญหา ส่วนตำรวจ เตรียมดำเนินคดีคนขับชน หลังเดินเท้า 20 ก.ม.ไปมอบตัว

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (30 ส.ค.65) ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นแฟมิลี่ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บก 5753 อุบลราชธานี ชน ด.ช ปรินทร หรือ น้องเตชิน อายุ 7 ขวบ เด็กนักเรียนโรงเรียนในตำบลสะกาด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ บนถนนสี่เลนหมายเลข 24 สีคิ้ว-เดชอุดม บริเวณแยกบ้านสะกาด ต.สะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์  ขณะกำลังข้ามถนนกลับบ้านหลังเลิกเรียน พร้อมกับเพื่อน รวม 3 คน แต่เพื่อนอีก 2 คนข้ามถนนไปได้ก่อน เหลือเพียง ด.ช ปรินทร คนสุดท้ายที่กำลังข้ามไปได้เพียงเลนเดียวแต่กลับตกใจเห็นรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนจะวิ่งกลับมาจนถูกชนเข้าอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

โดยชาวโซเชียลได้คอมเม้นถึงเรื่องของถนนบริเวณดังกล่าว ที่มักเกิดอุบติเหตุบ่อยครั้ง  ทั้งนี้ได้ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข ช่วยสร้างสะพานลอยให้ทั้งรถจักรยานยนต์และคนข้าม หรือทำอุโมงค์ลอด หรือไม่ก็มีสัญญาณไฟหรือวิธีการป้องกันอื่นๆให้ เพราะเป็นจุดที่เด็กนักเรียนและประชาชนใช้ข้ามถนนไปมาจำนวนมาก อีกทั้งบริเวณยูเทิร์นรถอยู่ไกลเกินไปอีกด้วย

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเศร้าสลดให้กับครอบครัวและญาติพี่น้องของเด็กชาย รวมทั้งชาวบ้านและเพื่อนฝูงเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุ จนท.ตำรวจสภ.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ที่แท้จริงต่อไป พร้อมนำตัวคนขับรถกระบะดังกล่าวไปสอบสวนและดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้าน ในตำบลสะกาด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย และเป็นสถานที่จัดงานศพ  อยู่ห่างจากที่เกิดประมาณ 100 กว่าเมตร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด พบญาติพี่น้องและชาวบ้านเดินทางมาช่วยงานศพอย่างไม่ขาดสาย  โดย น้องเตชิน อาศัยอยู่กับคุณปู่และคุณยาย  ส่วนพ่อและแม่ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา  หลังทราบข่าวได้เดินกลับมาถึงบ้านตอน 3 ทุ่ม ทั้งนี้จะมีพิธีฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย.65)ที่วัดในหมู่บ้าน

โดย นายทองพูล  อายุ 56 ปี ปู่ของเด็กชายเคราะห์ร้าย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลานชาย 2 คนอยู่กับปู่และย่าพ่อแม่เขาไปทำงานต่างจังหวัด เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก เด็กกำลังจะกลับบ้าน พากันออกมาเอง เพราะวันนั้นมีกิจกรรมกีฬาสี ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ไขปัญหา จะได้ไม่เกิดกับใครอีก  ให้ทำสะพานลอยหรืออุโมงค์ข้าม  เพราะเด็กนักเรียนและปะชาชนข้ามไปข้ามมาจำนวนมาก ทั้ง โรงเรียน อบต.และโรงพยาบาลสุขภาพตำบล ปกติจะมี อปพร.มาดูเด็กข้ามไปข้ามมาทั้งเช้าและเย็น  แต่วันนั้นเป็นวันแข่งขันกีฬา เด็กๆอาจจะหนีกลับบ้านก่อน

ด้านนางน้ำริน อายุ 37 ปี แม่ของเด็กชายเคราะห์ร้าย  กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกชายคนโตของตนที่เสียชีวิต  ตนกับสามีไปขอจากหลวงพ่อโสะร จ.ฉะเชิงเทรา  ไม่ถึงปีก็มีลูก เคยมีหมอดูหลายคนทักว่า ลูกชายคนนี้ต้องพาไปกราบไหว้หลวงพ่อโสธรทุกๆปี หากไม่ไปกราบไหว้ ยังไงเขาก็ต้องมาเอาคืนอยู่แล้ว  ตนก็พาไปไหว้ทุกปี  ปีนี้เจอโควิด เลยไม่ได้พาไปไหว้ คิดว่าจะพาไปไหว้ในวันที่ 9 ก.ย.65 นี้ เพราะเป็นวันเกิดเขา แต่น้องก็มาเสียชีวิตเสียก่อน เขาเป็นโรคหัวใจด้วย ทำบอลลูหัวใจครบ 7 ปีสิ้นปีนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หมอนัด เพราะจะหายเป็นปกติแล้ว ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์เกิดขึ้น 

ส่วนชาวบ้านที่มาร่วมงานศพ กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำสะพานลอย หรืออุโมงค์ให้เด็กๆข้าม หากเป็นไปได้ก็ทำอุโมงค์ให้รถยนต์และรถ จยย.ลอดได้เลย เพราะยูเทิร์นไกลเกินไปถึง 2 กม. ทำให้รถ จยย.ต้องลัดข้ามถนนไป เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่างมาก และมีประชาชนใช้สัญจรข้ามไปมาจำนวนมาก บริเวณนี้เป็นสายหลัก เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก รถวิ่งจะไม่ชะลอความเร็ว  เพราะเป็นถนน 4 เลน บางทีรอข้ามนานๆก็มี ไฟฟ้าส่องสว่างก็ดับมาหลายปีแล้วไม่มีการซ่อมแซม ตอนกลางคืนมึดมาก

ขณะที่ นางพรนิภา อายุ 40 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า  เมื่อวานช่วงเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงรถสิบล้อบีบแตรจังหวะสามช่าดังมาก  น่าจะเห็นเด็กๆกำลังข้ามถนนกัน ส่วนเด็กๆจะขอสามช่าหรือไม่ตนเองไม่ทราบ เพราะมองไม่เห็นไม่ได้สังเหตุ ได้ยินแต่เสียงรถบีบแตร ปกติไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้ ปกติจะเป็นเสียงเคาะบีบแตรธรรมดา แต่วันนี้เสียงดังมาก จากนั้นก็ได้ยินเสียงชนดังโครม ตนคิดว่ารถชนสุนัข ก่อนจะมองไปเห็นเด็กเสื้อเขียวกลิ้งบนถนนกระเด็นออกไป  จากนั้นจึงพากันวิ่งไปดู ระหว่างนั้นรถกระบะก็ตกร่องกลางถนน คนขับรีบเปิดประตูวิ่งออกมาจะไปยกเด็ก แต่มีคนบอกไม่ให้ยก รอกู้ชีพกู้ภัยมาช่วย เพราะกลัวกระดูกหัก บริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย  ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างสะพานลอย หรือแก้ปัญหา  เพราะให้เกิดความปลอดภัยกับนักเรียนและประชาชน แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวกล่าว

โดย พ.ต.ท.กิ่งเพชร สุดเสียงสังข์ สว.สอบสวน สภ.สังขะ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐาน พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์ชันสูตรและส่งศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ส่วนคนขับรถยนต์ปิคอัพ ทราบชื่อคือนายธนกิจ อายุ 49 ปี  เป็นชาวน้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยหลังเกิดเหตุได้เข้าช่วยที่บ้านงานศพและช่วงเช้าได้เดินเท้าจากที่เกิดเหตุกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อมามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ที่ สภ.สังขะ  ได้ยืนยันหลังจากให้ปากคำแล้วจะเข้าไปช่วยงานศพของเด็กชายที่เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์คันดังของหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่งที่เขต อ.น้ำยืน เพื่อมุ่งหน้าไปยังอ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อนำรถไปซ่อมให้หลวงพ่อ แต่ก็มาเกิดเหตุดังกล่าวก่อน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อแจ้งข้อหา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป