จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Lawan Perdchan นำภาพจากกล้องวงจรปิดและรอยแผลของผู้บาดเจ็บ มาโพสต์ลงใน กลุ่ม "ข่าวสาร-คนปากเกร็ด" พร้อมระบุข้อความแคปชั่นว่า "#อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้...แต่ต้องซ้อมเด็กขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่เด็กยกมือไหว้ขอโทษแล้ว สงสารเด็กมาก ถ้าเป็นลูกหลานคุณโดนแบบนี้บ้างคุณจะรู้สึกยังไง...รู้ว่าคุณใหญ่มาก" โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ ที่ 27 สิงหาคม 2565 ช่วงเวลาก่อน 12.00 น. (เวลาในกล้องไม่ตรงกับเวลาจริง)

     ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 27 ส.ค.65 เวลาประมาณ 11.50 น. ขณะที่รถตู้สีขาวกำลังเลี้ยวขวาเข้าโรงงาน ถัดมามีรถจยย.1 คันคู่ขี่ซ้อน 2 กันมาเป็นเด็กนักเรียนหักหลบรถตู้ ทำให้รถจยย.ของคู่กรณีเสียหลักไปเกี่ยวกับรถของผู้เสียหายที่ซ้อน 2 มาล้มคู่ ทำให้รถของผู้เสียหายชนกับท้ายกระบะ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายลุกขึ้นมาได้ ทางผู้เสียหายคนขับรถต่อยคู่กรณีทั้ง 2 คน โดยมีคนซ้อนคอยห้ามปรามก่อนแยกกันไป
     
     ล่าสุดวันที่ 30 ส.ค.65  เวลาประมาณ 18.00น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายพงษ์ชัย  อายุ 28 ปี อาชีพนักชกข้างถนนรายการไฟท์คลับไทยแลนด์ ฉายาก๊อตซิล่า ปากเกร็ด (คนขี่)และนายสุภการณ์ อายุ 30 ปี อาชีพ รับจ้างทั่วไป (คนซ้อน) มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวหลังจากถูกสื่อและโซเชี่ยลกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บรถล้มเย็บกว่า14 เข็ม และทำให้รถจยย.ได้รับเสียหาย โทรศัพท์ไอโฟนรุ่นXSพัง 1 เครื่อง จึงออกมาโต้กลับบอกสาเหตุที่ทำร้ายคู่กรณีจากเหตุการณ์ดังกล่าว

    จากการสอบถามนายพงษ์ชัย คนขี่รถจยย.ที่ต่อยคู่กรณี เปิดเผยสาเหตุการต่อยกับผู้สื่อข่าวว่า วันที่เกิดเหตุตนกำลังขับรถไปโรงน้ำแข็ง ขับด้วยความเร็วประมาณ 20-30 หลังจากนั้นรถจยย.ก็ล้มทันที เนื่องจากมีเด็กขี่รถจยย.เสียหลักมาเกี่ยวรถตน ซึ่งตนเห็นว่าขามีรอยแผลฉีกใหญ่เข้าถึงกระดูกจึงรู้สึกโมโห และยอมรับว่าลุกขึ้นไปต่อยจริงและเห็นว่าเป็นเด็ก ตนจึงสั่งสอนเพราะครั้งหน้าจะได้ไม่ขับรถเร็วและไปปาดหน้าคนอื่นทำให้ได้รับอีนตรายแบบนี้อีก ไม่อยากให้เกิดเหตุไปชนคนอื่นเสียชีวิตขึ้นมา ที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทของเด็กอายุ 15-16ปี หมวกกันน๊อคไม่ใส่ ใบขับขี่ไม่มี แต่ขับรถจยย.ออกมาท้องถนนได้ทั้งขับด้วยความเร็วและอันตราย ถ้าไม่ขับมาเร็วก็คงไม่ชนรถจยย.ของตน เพราะตนอยู่เลนซ้ายและขับมาเลนตรง ตอนเกิดเหตุตนได้อัดเข้าที่ไฟท้ายของกระบะที่จอดไว้ริมถนน แต่ถ้าตนอัดเข้าไปท้ายกระบะเต็มๆคงจะไม่รอด แต่รุ่นพี่ที่ซ้อนรถตนมาหัวไปกระแทกกับท้ายกระบะ ซึ่งตนยอมรับว่าตนผิดจริงที่ทำร้าย แต่ตนยืนยันว่าไม่ทำเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน ถ้าตนทำจริงๆคงจะไม่รอดกัน เพราะตนเป็นนักมวย หลังจากที่รถล้มตนไม่เห็นว่าน้องเข้ามาขอโทษตนจึงเตะเข้าไปที่คู่กรณีที่เป็นคนขี่รถจยย.1 ที ส่วนอีกคนคือคนซ้อนวิ่งเข้ามาหาตน ตนจึงต่อยไปตรงที่หน้า 1 ครั้ง เพราะน้องไม่ได้วิ่งเข้ามาขอโทษตน แต่หลังจากที่ดูกล้องตนพึ่งมาเห็นว่ามีน้องคนขับวิ่งเข้ามาขอโทษรุ่นพี่ตน แต่ไม่ยอมขอโทษตน ถ้าเขารีบเข้ามาขอโทษตน ตนจะไม่ติดเรื่องใดๆทั้งสิ้น จึงทำให้ตนเกิดความโมโห ที่ชนตนแล้วจะวิ่งเข้ามาหาตนโดยไม่ขอโทษ

ตอนนี้ตนไม่พอใจอย่างมากที่มีสื่อไปลงความข้างเดียว กล่าวหาว่าตนกับพี่ชายไปรุมทำร้ายเด็ก ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะพี่ชายเป็นคนห้ามตนไม่ให้ทำร้ายเด็ก ข่าวออกไปว่าตนโทรหาเพื่อน ซึ่งตนโทรจริงแต่โทรหาบอกว่าเกิดเหตุรถชน ไม่ใช่โทรหาว่ามีเรื่องกับเด็ก ถ้าตนจะทำจริงๆเด็ก2คนนี้คงไม่น่าจะรอด ถ้าตนจะทำจริงๆตนไม่ต้องโทรตามใครให้มากระทืบเด็กอายุแค่15-16ปี ที่ตนต่อยไปครั้งนี้อยากจะให้เด็กทั้ง2ได้รับบทเรียน ว่าขี่รถแบบนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าไปเจอคนอื่นที่ใจร้อนกว่าตน จะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากกว่านี้  หลังจากเปิดเหตุฝั่งคู่กรณีไม่เคยติดต่อกลับหาตนสักครั้ง ไม่เคยถามเรื่องบาดแผลและค่ารักษา ตนก็ไม่ได้เรียกร้องใดๆ แต่เมื่อตนเห็นว่าเขาเอาข่าวไปลงทำให้ตนเสียหาย ตนจะดำเนินเรื่องตามกฏหมายกับเรื่องค่าเสียหายของตนทั้งร่างกาย และของที่เสียหาย ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายตนยอมรับผิดว่าทำจริง ซึ่งถ้าตนเป็นคนขับขี่ที่ผิดจริงตนจะลุกขึ้นมาอีกแบบไม่โมโหถึงขั้นนี้ เพราะเรื่องนี้ตนไม่ผิด จะให้ตนต้องมาเสียชีวิตเพราะความประมาทของเด็กคงไม่ใช่เรื่อง ตนถูกสังคมโจมตีว่าเป็นคนผิดเพราะสื่อออกข่าวไปฝั่งเดียว ตนจึงตัดสินใจแจ้งความจากเดิมแรกจะไม่เอาเรื่อง สื่อไปออกว่าตนจะเอาเพื่อนมากระทืบและหาว่าตนจะตามไปกระทืบ ซึ่งตนไม่ได้พูดและไม่เป็นความจริง ตนพูดว่าจำหน้าตนไว้ จะไปพูดในข่าวอีกอย่างไม่ได้ จะพูดว่าเป็นอุบัติเหตุก็ไม่ได้ เพราะเด็กเกิดความประมาทเอง แต่ตนเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุเพราะโดนชน ตนต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเองเย็บถึง14เข็ม เสียเงินไป 4,500บาท และต้องไปล้างแผลทุกวัน วันละ 900บาท และค่าซ่อมรถจยย.ประมาณ1 หมื่นบาท ซึ่งตนจะไม่ยอมความเพราะเอาข่าวไปลงทำให้ตนเสียหาย และฝั่งคู่กรณียืนยันว่าไม่จบตนก็จะไม่จบปล่อยให้เป็นตามกฏหมาย และตนจะไม่ไปตามล่าเด็กตามที่ข่าวลงไป เพราะตนโตพอเป็นลูกผู้ชายและเป็นนักมวย และที่ลงข่าวว่าตนต่อยเด็กปากแตกตนมองว่าไม่ใช้เพราะตนต่อยตรงกราม ที่ปากเด็กเป็นแค่รอยถลอกตอนรถล้ม 

    ทางด้านนายสุภการณ์ คนซ้อนคอยห้ามปราม เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้ไปทำร้ายใคร ตนพยายามห้ามน้องชายของตน และกำลังเดินไปห้ามเด็กที่พุ่งเข้าไปหาน้องตามในคลิป ตนเห็นข่าวออกไปฝ่ายเดียวรู้สึกเสียใจที่คนฟังความข้างเดียว ทำให้ตนไม่อยากออกข้างนอก ตนจะปล่อยให้เป็นเรื่องของกฏหมายไม่มีการเอาคืน แต่ตนโกธรที่ลงข่าวว่าตนและน้องรุมทำร้ายร่างกายเด็ก 

    นางตุ่ย ร้านขายไก่ทอดฝั่งตรงข้ามเห็นเหตุการณ์  เล่าว่า ตนเห็นรถตู้ทึบกำลังเลี้ยวขวาเข้าโรงงาน หลังจากนั้นเห็นรถน้องวัยรุ่น2คนมาทางตรง แต่มีรถจยย.ของเด็ก เบี่ยงซ้ายเข้าไปเกี่ยว ทำให้รถของน้องวัยรุ่นล้ม ซึ่งตนมองว่าเด็กเป็นฝ่ายผิด เพราะวัยร่นมาทางตรง แต่เด็กเบี่ยงหักซ้ายอย่างรวดเร็ว และเด็กขับมาเร็วมาก