ช่วงฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ‘มือ เท้า ปาก’ เป็นอีกหนึ่งโรคระบาดที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญใสใจในการดูแลบุตรหลานเป็นพิเศษ เนื่องจากโรคดังกล่าวสามารถติดต่อกันได้โดยตรงจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อาจจะยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์

บทความให้ความรู้ โดย พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช นำชุดข้อมูลของโรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth disease) รวบรวมและอธิบายไว้อย่างเข้าใจง่าย เพื่อทำให้ทุกท่านได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ไปดูแลคนใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีการแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย

โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth disease) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มชื่อ Enterovirus โดยสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคที่พบได้บ่อย คือ Coxsackievirus A16 และ Enterovirus 71 กลุ่มเสี่ยงที่พบติดเชื้อได้บ่อย คือ เด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมักมีอาการรุนแรงมากกว่าเด็กโต สำหรับผู้ใหญ่พบโรคนี้ได้บ้าง กรณีติดเชื้อชนิดรุนแรง ที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และสมองอักเสบได้ในเด็กเล็ก

 พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช 

O การระบาดของโรคนี้คือ ช่วงฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว

โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อกันโดยตรงจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง จากจมูก ลำคอ น้ำลาย และน้ำจากตุ่มใส รวมถึงอุจจาระของผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่ ในเด็กมักพบว่าติดต่อกันจากการสัมผัสของเล่น พื้นผิวสัมผัสที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ อาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อบนมือของผู้เลี้ยงดู

สถานที่ที่มักพบการระบาดของโรค ได้แก่ สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล และสนามเด็กเล่นโดยเฉพาะในร่ม

อาการและการแสดงของโรคที่สำคัญ คือ เริ่มจากอาการไข้ ซึ่งอาจจะไข้ต่ำหรือไข้สูงก็ได้ และมีแผลในปาก มีผื่นที่มือที่เท้า

โดยแผลในปาก พบได้ตั้งแต่บริเวณของเพดานปาก กระพุ้งแก้มหรือที่ลิ้น เป็นเยอะก็จะลามออกมาที่ริมฝีปากรอบ ๆ ได้ ส่วนผื่นที่มือหรือเท้าจะเป็นตุ่มแดง ๆ หรือปนตุ่มน้ำใส ๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ในเด็กเล็กอาจมีที่รอบ ๆ ก้นได้ด้วยเช่นกัน

O ปัจจุบัน โรคมือ เท้า ปาก ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จึงเป็นการรักษาอาการทั่วๆไป ตามแต่อาการของผู้ป่วย เช่น

- ไข้สูง ให้ยาลดไข้ตามอาการ เฝ้าระวังภาวะชักจากไข้สูงในเด็กเล็ก

- เจ็บคอ เจ็บแผลในปากมาก รับประทานอะไรไม่ได้ ผู้ป่วยที่ดูเพลียจากการขาดอาหารและน้ำ ให้พยายามป้อนน้ำ ให้สารน้ำอื่น ๆ เช่น นมและอาหารอ่อน

- ในเด็กที่มีอาการเพลียมาก จนมีภาวะขาดน้ำอาจจำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด

- อาการคัน ให้กินยาแก้แพ้ แก้คัน เพื่อบรรเทาอาการได้ หรือหยอดยาชาในปากเพื่อลดอาการเจ็บแผลในปาก

- ร่วมกับการเฝ้าระวังสังเกตอาการของภาวะแทรกซ้อน 

O ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องสังเกต และเฝ้าระวัง หากมีอาการต้องพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เช่น

- มีอาการซึมลง ไม่เล่น ไม่อยากรับประทานอาหารหรือนม หรืออาเจียน

- บ่นปวดศีรษะมาก พูดเพ้อไม่รู้เรื่อง ซึมลง

- ปวดต้นคอ คอแข็ง มีการรับรู้สับสน

- ไอ หายใจเร็ว ดูเหนื่อยๆ มีเสมหะมาก

 

โรคนี้สามารถเป็นซ้ำได้อีก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ได้คงอยู่ตลอดไปและไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ได้

สิ่งที่จะป้องกันโรคติดต่อชนิดนี้ได้ดีที่สุดคือ การดูแลสุขอนามัย สอนเด็กโดยเฉพาะวัยเรียน ให้ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร หรือว่าหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง

ปัจจุบันโรงพยาบาลนวเวชมีวัคซีนเพื่อฉีดป้องกันและลดความรุนแรง โรคมือ เท้า จากเชื้อไวรัส Enterovirus 71 ออกมาให้บริการแล้ว สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children's Health Center) โทร. 02 483 9999 I  www.navavej.com