วันที่ 27 ส.ค.2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี มติคณะกรรมการค่าจ้างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2565 ชลบุรี, ระยอง, ภูเก็ต ค่าแรง 354 บาทต่อวัน ส่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้ , น่านและอุดรธานีถูกสุด 328 บาทต่อวันว่า พรรคพลังประชารัฐที่ตอนนี้มีหัวหน้าพรรคเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี รู้สึกอย่างไร ที่นโยบายหาเสียงเป็นสัญญาประชาคมกับประชาชน ไม่สามารถทำได้ตามสัญญาทั้งที่มีอำนาจล้นมือ ถือเป็นการตระบัดสัตย์ หลอกลวง เพื่อหวังผลคะแนนตอนเลือกตั้งหรือไม่ ตอนหาเสียงบอกว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศ พอมาเป็นรัฐบาลปรับแต่ละครั้งกระปริบกระปรอยแต่ละพื้นที่ก็ปรับไม่เท่ากัน ซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำ จนปลายอายุรัฐบาล จังหวัดที่ได้มากที่สุดก็ยังห่างไกลจาก 425 บาทที่หาเสียงอยู่มาก แทนที่จะพูดในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่พูด กลับพูดแล้วไม่ทำ และอาจเตรียมไปพูดโม้ใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เกียรติภูมิของความเป็นพรรคการเมืองแทบไม่เหลือ

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการอย่างไร ถ้าพรรคการเมืองไปหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ แล้วไม่เกิดผลอะไรทางกฏหมาย ต่อไปพรรคไหนอยากพูดอะไร อยากสัญญาอะไร พอทำไม่ได้ก็ไม่มีความผิด ไม่ต้องรับผิดชอบ กลายเป็นเพียงคำสัญญาที่ว่างเปล่าหลอกลวงประชาชน นโยบายที่ใช้หาเสียงแล้วทำไม่ได้ควรมีราคาที่ต้องจ่าย จะยุบพรรคหรือถูกลงโทษอย่างไรก็ควรต้องมีบรรทัดฐาน 

โดยพรรคพลังประชารัฐยังหาเสียงนโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 20,000 บาท เงินเดือนอาชีวะเริ่มต้น18,000 บาท ปลดหนี้นอกระบบผู้ใช้แรงงาน 10 ล้านราย ที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ พรรคพลังประชารัฐทำหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ จะรับผิดชอบอย่างไร ค่าแรงขึ้นยังไงให้เหมือนไม่ขึ้น แทนที่จะขึ้นค่าแรง แต่ดันไปขึ้นค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน เพิ่มภาระค่าครองชีพพุ่งสูง

“พล.อ.ประยุทธ์ หยุด ประเทศไทยต้องไม่หยุด ประชาชนเดือดร้อน จากนโยบายที่ใช้หาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ กกต.ต้องมีคำตอบ”นายอนุสรณ์ กล่าว