ที่ห้องประชุม แตรทอง 1 ศูนย์สวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง  จ.ชลบุรี  ดร.สาโรจน์  วสุวานิช  ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เป็นประธาน เปิดการเสวนา ระดมความคิดเห็นระบบขนส่ง รถ  ราง  เรือ  เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม “Logistics  Industrial  Solution   Brainstrom” โดยมีนายสมบูรณ์ ศรีพรเจริญ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ,นายกฤษฎิ์  ชีวะธรรมมานนท์  รองประธาน และ ประธานฝ่ายส่งเสริมผลักดัน คมนาคม โลจิสติกส์  สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ,นายเวทิต โชควัฒนา  รองประธานและประธานสายงานอาเซียนและโลจิสติกส์  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา  การจัดเสวนาในครั้งนี้  ได้มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในระบบการขนส่งรถ  ราง  เรือ  เพื่อนำไปสู่การแก้ไข เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมในวงกว้าง โดยสามารถนำไปวางแผนในการบริหารจัดการในเรื่องต้นทุน การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ผลักดันส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศในอนาคตได้ 
 
         ดร.สาโรจน์  วสุวานิช  ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก  กล่าวว่า จังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดมีมูลค่ามากกว่า  1 ล้านล้านบาท โดยมากกว่าร้อยละ 50 เกิดจากการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากภาคอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต โดยมีการดำเนินงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต


              โดยสภาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรมในการประสานงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการวางแผนและส่งเสริม เพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในจังหวัด  ดังนั้นจึงจัดเสวนาดังกล่าว เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันอย่างรอบด้าน จากทั้งฝ่ายภาครัฐที่เป็นผู้กำหนดนโยบายและทิศทางที่สำคัญและฝ่ายภาคเอกชนที่เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในประเด็นทางด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญยิ่งในปัจจุบัน
 
           ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข  ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งสินค้า ทั้งนำเข้าและส่งออก  ซึ่งล่าสุดสามารถส่งออก 8.5 ล้าน TEU  ดังนั้นระบบการเชื่อมโยงระบบขนส่งรถ  ราง  เรือ  เป็นสิ่งที่สำคัญ  โดยท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งมั่นในเรื่องการบริหารจัดการ เพื่อให้การจราจรทางถนนรถติดน้อย เพื่อลดผลกระทบด้านการขนส่ง ,การนำระบบทักคิว มาบริหารจัดการการจราจรในท่าเรือแหลมฉบัง , พร้อมหาพื้นที่ว่างในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหารถติด  เพื่อลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการให้น้อยลง หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จะต้องให้ความร่วมมือกัน เพื่อสามารถแข่งขันกับนานประเทศได้  โดยท่าเรือฯไม่ใช่เพียงเป็นยกสินค้าขึ้นและสินค้าลงเท่านั้น โดยจะต้องซับพอร์ตทั้งระบบด้านโลจิสติกส์ทั้งหมดเช่น  นำระบบดิจิตอลมาใช้มากขึ้น  และพัฒนาท่าเรือให้เป็นท่าเรือปลอดมลพิษหรือ กรีนพอร์ต  ดังนั้น ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้