ธนชาตประกันภัยจ่ายเคลมรถหรูเฟอร์รารีน้ำท่วมชิวๆ 2 แสนบาท เหตุน้ำไม่เข้าเครื่องจนเสียหายหนัก ขณะที่สรุปตัวเลขเคลม 1 ก.ย. - 5 ต.ค. 59 รวม 35 วันมีลูกค้าแจ้งเคลมน้ำท่วมแล้ว 143 คัน ประมาณการค่าซ่อม2ล้านเศษ เชื่อปีนี้เคลมน้ำท่วมลดน้อยลงกว่าปีผ่านๆมา เหตุรับอานิสงส์พยากรณ์อากาศแม่นยำบวกโซเชียลมีเดียทำลูกค้าตื่นรับมือสถานการณ์น้ำท่วมได้ทัน แถมไม่ขับลุยน้ำเหมือนแต่ก่อน นายสุวัฒน์ ระดมสุทธิกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสินไหมรถยนต์ บริษัทธนชาตประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีลูกค้าทำประกันภัยรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมและเข้ามาแจ้งเคลมค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทเฉพาะตั้งวันที่ 1 ก.ย. 2559 - 5 ต.ค. 2559 รวมแล้ว 35 วัน เป็นจำนวน 143 คันด้วยกัน คิดเป็นประมาณการค่าซ่อมทั้งหมด 2,523,386 บาท จากลูกค้าแจ้งเคลมเข้ามาทั่วประเทศทั้งหมด 13 จังหวัดด้วยกัน ซึ่งแยกเป็นกรุงเทพฯจำนวน 90 คัน พัทยาเหนือ 17 คัน ภูเก็ต 7 คัน อุดรธานี 5 คัน พิษณุโลก 4 คัน ขอนแก่น 4 คัน นครปฐม 4 คัน นครราชสีมา 3 คัน อุบลราชธานี 3 คัน นครสวรรค์ และระยองจังหวัดละ 2 คัน ส่วนเชียงใหม่และสระบุรี จังหวัดละ 1 คัน สำหรับยี่ห้อรถยนต์ที่ครองแชมป์แจ้งเคลมน้ำท่วมเข้ามายังบริษัทได้แก่ อันดับหนึ่งยี่ห้อฮอนด้า 49 คัน ประมาณการค่าซ่อม 1,029,109 บาท รองลงมาโตโยต้า 32 คัน 405,401 บาท และอันดับสามมาสด้า 23 คัน 363,902 บาท และอันดับสี่นิสสัน 11 คัน 181,001 บาท ส่วนยี่ห้ออื่นๆที่เหลือมียอดแจ้งเคลมเข้ามา 5 คันหรือต่ำกว่านี้ ทั้งนี้มีรถซุปเปอร์คาร์คือเฟอร์รารี่ได้ทำประกันไว้ทุนประกัน 11 ล้านไว้กับบริษัท และเกิดเสียหายจากน้ำท่วมเล็กๆน้อยๆอยู่เพียงคันเดียว โดยประมาณค่าซ่อมแล้ว 201,554 บาท เนื่องจากน้ำไม่ได้เข้าเครื่องยนต์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสินไหมรถยนต์ บริษัทธนชาตฯยังกล่าวเสริมอีกว่า บริษัทคาดว่า สินไหมน้ำท่วมรถยนต์ปีนี้น่าจะน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากปัจจุบันการพยากรณ์อากาศค่อนข้างแม่นยำ ประกอบกับมีการสื่อสารกันทางโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางมากขึ้น จึงทำให้ลูกค้ารับรู้และมีการเตรียมตัวรับสถานการณ์น้ำหรือพูดง่ายๆเตรียมทีหนีทีไล่กันได้ทันการณ์ บวกกับโซเชียลมีเดียปัจจุบันได้ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารกันเร็วขึ้น จึงทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปรับตัวรองรับสถานการณ์โดยรู้ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์น้ำท่วม โดยไม่ขับลุยน้ำเหมือนที่ผ่านๆมากันมากขึ้น ซึ่งมันช่วยได้เยอะทีเดียว จึงทำให้ความเสียหายของรถยนต์ไม่ได้สูงมากเหมือนสมัยก่อน โดยส่วนใหญ่ความเสียหายจะเป็นเรื่องของพรมเปียกน้ำหรือเคลมเล็กๆน้อยๆเท่านั้น