ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญทางการเมือง ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทีมโฆษกรัฐบาล หลัง “มาดามเดียร์”วทันยา บุนนาค หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากตำแหน่งส.ส. ส่งผลให้ “แด๊ก”ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขยับขึ้นไปเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแทน ทำให้ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่างลง
และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หวนกลับไปพึ่งบริการของ “เจมส์”อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้นั่งควบตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป
สำหรับ “โฆษกเจมส์” นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเขาเคยทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว เมื่อครั้ง “ดร.แหม่ม”นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เลื่อนไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 เพียง 1 ปีในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ก็โยกไปเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ช่วยงานด้านต่างประเทศ โดยที่ “แด๊ก”เข้ามาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน
และก็ให้บังเอิญที่ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2565 เพียง 1 ปีเช่นกัน ที่ “แด๊ก”ได้เข้าไปทำหน้าที่ส.ส.ต้องสละตำแหน่งทางการเมืองลุกออกจากเก้าอี้โฆษก ทำให้ “โฆษกเจมส์”ได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง โดยคาดว่าเพื่อรองรับภารกิจในการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปก
เมื่อย้อนไปดูปูมหลัง “โฆษกเจมส์” นั้น มีสายสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วมรุ่น โรงเรียนอัสสัมชัญ กับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
แต่เข้าสู่การเมืองภายใต้สีเสื้อของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นส.ส.กทม. 2 สมัย และพลาดเก้าอี้ไม่ได้เข้าสภาฯในการเลือกตั้งปี 2562 แต่เข้ามามีบทบาทการเมืองในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จากการเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
ปัจจุบันทำสถิตินั่งเก้าอี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ครั้งในรัฐบาลเดียวกัน