ในส่วนของการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กำหนดยุทธศาสตร์ ด้านดิจิทัล ปี 2566 ด้วยเป้าหมายการนำองค์กรสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล (Smart TAT) เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่การแข่งขันระดับโลกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมพัฒนาสู่การเป็น Smart Data สร้างระบบฐานข้อมูลกลางด้านตลาดการท่องเที่ยวเพื่อบรูณาการข้อมูลและวิเคราะห์เชิงลึก พร้อมจัดกิจกรรมเอาใจ Amazing Friend สร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามของ ททท. ทางออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีรวบรวมข้อมูลและออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจกับนักท่องเที่ยว

บูรณาข้อมูลดิจิทัล-เทคโนโลยีแรงจูงใจ

โดยนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก การวางแผนการตลาดออนไลน์ หรือ แผนพัฒนาและบริหารระบบสารสนเทศการตลาด (Marketing Information System) เพื่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเครื่องมือสำคัญต่อความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ดิ้งให้กับประเทศไทย ด้วยการทำงานแบบบูรณาการทางข้อมูลดิจิทัลและเทคโนโลยีสร้างแรงจูงใจให้ออกเดินทางท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ททท จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ ด้านดิจิทัล ปี 2566 โดยมีเป้าหมายที่จะนำองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล (Smart TAT) เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่การแข่งขันระดับโลกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมพัฒนาสู่การเป็น Smart Data สร้างระบบฐานข้อมูลกลางด้านตลาดการท่องเที่ยวเพื่อบรูณาการข้อมูลและวิเคราะห์เชิงลึก

ดังนั้นจึงมีแผนการพัฒนาและบริหารระบบสารสนเทศการตลาด (Marketing Information System) ที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการหาข้อมูลการท่องเที่ยว การวางแผนการเดินทาง และการแชร์เรื่องราวประสบการณ์การท่องเที่ยวของตนเอง และสามารถบริหารความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจัดว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ด้วยการประยุกต์ใช้เว็บไซต์ (Website) แอพพลิเคชั่นทางมือถือ (Mobile Application) สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Tik Tok และ Line เป็นต้น รวมทั้งสิ้นกว่า 12 ช่องทาง ในการทำการตลาดผ่านคอนเทนต์

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงตามเนื้อหาหรือความสนใจ และสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในการสืบค้าข้อมูลท่องเที่ยว อาทิ โปรโมชั่น แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร เทศกาลงานประเพณี ตลอดจนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ต่างๆ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ประยุกต์ใช้เพื่อ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) เพื่อออกแบบแผนการประชาสัมพันธ์หรือกลยุทธ์การตลาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งออกแบบนวัตกรรมการบริการดิจิทัล (Digital Service Design) การพัฒนาการตอบโต้แบบอัตโนมัติกับนักท่องเที่ยว (Chat Bot) และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อจัดการความสัมพันเพื่อสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค (CRM) ได้อีกด้วย

พัฒนาการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

สำหรับปีนี้ นายนิธี กล่าวว่า ททท. ได้มุ่งเน้นพัฒนาการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) มากยิ่งขึ้น โดยได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวร่วมมาเป็น Amazing Friend “เพื่อน” คนพิเศษของ ททท. เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวและนำมาสู่กระบวนการวิเคราะห์ความต้องการของนักท่องเที่ยว (Data Analysis) ผ่านการลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.TourismThailand.org/thailandamazingfriend ลุ้นรับสิทธิประโยชน์ ของรางวัล และการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษต่างๆ ได้ก่อนใคร

นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนส่งมอบโปรโมชั่นดีๆ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยทั้งหมดนี้สามารถติดตามได้ทางช่องทางออนไลน์ ทั้งหมดของททท.   รวมทั้งยังมีโครงการที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำและผลักดันประเทศไทยให้เฉิดฉาย อาทิ เปิดสำนักงาน ททท. แห่งแรกบนโลก Metaverse, Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian ยกสวนทุเรียนเข้าโลก Metaverse, Thailand Tourism Virtual Market (TTVM) พื้นที่ทางการตลาดออนไลน์เพื่อพบปะเจรจาธุรกิจร่วมกันแบบ B2B ในโลกเสมือนจริง รวมไปถึงผลักดันสร้าง TAT Amazing Influencer หรืออินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่จะนำเทคโนโลยี Virtual Character ผ่านโลก Metaverse และโครงการ TAT NFTs ที่จะก้าวสู่การนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ศิลปะดิจิทัล เป็นต้น