นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย ย่านเอกมัย, ย่านสามแยกไฟฉาย, ย่านปิ่นเกล้า และย่าน จ.ชลบุรี เบื้องต้น บขส.จะนำร่องพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน 2 แห่งก่อน คือ ย่านปิ่นเกล้าและย่านชลบุรี เพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการฯ ปัจจุบัน บขส. เตรียมแผนที่จะนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการอสังหาริมทรัพย์พิจารณาภายในเดือน ส.ค.นี้

ทั้งนี้หากผ่านความเห็นชอบคณะอนุกรรมการฯ แล้ว หลังจากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. พิจารณาเห็นชอบ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะดำเนินการประกาศเชิญชวนให้เอกชนผู้ที่สนใจเข้ามายื่นเสนอในการพัฒนาโครงการฯ ได้ภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.65 โดยโครงการดังกล่าวจะมีการกำหนดราคากลางขั้นต่ำเอาไว้

ขณะเดียวกันการประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในโครงการนั้น บขส. จะเปิดกว้างให้แก่เอกชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลนำเสนอผลงานในการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเอกชนเป็นผู้ยื่นเสนอแผนดำเนินการในรูปแบบระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ซึ่งอายุสัญญาเช่าโครงการอยู่ที่ 30 ปี ส่วนรูปแบบการประมูลจะใช้รูปแบบพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 (PPP) หรือไม่ขึ้นอยู่กับมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value: NPV) และข้อเสนอของเอกชน ทั้งนี้ บขส. จะต้องพิจารณาด้วยว่าข้อเสนอใดมีผลประโยชน์ต่อ บขส. และภาครัฐมากที่สุดก็จะได้รับคัดเลือกเป็นผู้ชนะโครงการ หลังจากนั้นจะดำเนินการพิจารณาลงนามสัญญาต่อไป

สำหรับการพัฒนาโครงการดังกล่าว บขส.จะไม่ดำเนินการก่อสร้างเอง แต่เป็นการปล่อยให้เอกชนเช่าพื้นที่ดำเนินโครงการ เช่น โครงการที่ใช้ที่ดินแบบผสมผสาน หรือโครงการมิกซ์ยูส โดย บขส. จะได้รับประโยชน์จากการที่เอกชนขอเช่าพื้นที่แทน โดยโครงการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เนื่องจากเป็นโครงการภายในกิจการของ บขส. ซึ่งจะเสนอบอร์ด บขส. พิจารณาเท่านั้น แต่จะรายงานกระทรวงคมนาคม เพื่อรับทราบในการดำเนินโครงการ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการเดินรถสาธารณะ

นอกจากนี้เป้าหมายสูงสุด บขส. ในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์คือย่านสถานีเอกมัย เพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพตอบโจทย์ในด้านการลงทุนแก่เอกชน ประกอบกับภายในสถานีเอกมัยไม่ค่อยเกิดประโยชน์แล้ว เนื่องจากการเดินรถโดยสารขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการจราจรติดขัดและไม่สะดวกต่อประชาชน

นายสัญลักข์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บขส. อยู่ระหว่างศึกษาแผนย้ายรถโดยสารภายในสถานีเอกมัย อาจจะพิจารณาให้สถานีดังกล่าวอยู่บริเวณรอบนอก เช่น บริเวณไบเทคบางนา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการรองรับจุดจอดรถโดยสารแทนสถานีเอกมัยได้ โดยเป็นลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อแบ่งผลประโยชน์ของค่าเช่าพื้นที่ ทั้งนี้คงต้องรอความชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร คาดว่าจะเห็นผลการศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 66 และจะเริ่มดำเนินการประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมลงทุนได้ภายในปี 67 หากดำเนินการได้จะช่วยชดเชยรายได้ในการให้บริการเดินรถโดยสารแก่ บขส. ด้วย

ทั้งนี้พบว่าเอกชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณย่านสถานีเอกมัยมากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น ส่วนการพัฒนาพื้นที่สายแยกไฟฉายนั้น ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องการรื้อถอนระหว่างเขตทาง เนื่องจากบริเวณชุมชนโดยรอบมีการคัดค้าน ทำให้ บขส. ต้องพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายเพิ่มเติมด้วย

โดยพื้นที่ของแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน 4 แห่ง รวมพื้นที่ 30 ไร่ มูลค่า 7,641 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ย่านเอกมัย มีพื้นที่ 7 ไร่ มูลค่า 2,500 ล้านบาท 2.ย่านสามแยกไฟฉาย มีพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่า 428 ล้านบาท 3.ย่านปิ่นเกล้า มีพื้นที่ 15 ไร่ มูลค่า 4,600 ล้านบาท และ 4.ย่านชลบุรี มีพื้นที่ 5 ไร่ มูลค่า 113 ล้านบาท

ขณะที่การเช่าพื้นที่บริเวณที่ดินหมอชิต 2 นั้น บขส. จะขออนุญาตกระทรวงคมนาคมเช่าพื้นที่ดังกล่าวต่อไป เพราะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวกและเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารสูงสุด โดยเฉพาะรถไฟสายสีแดงที่มีการเปิดให้บริการจากสถานีกลางบางซื่อก็สามารถเชื่อมต่อกับ บขส. ได้ หากมีการย้ายพื้นที่ออกไปอยู่ด้านนอก จะทำให้การจราจรติดขัด ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตจะมีรถชัตเติ้ลบัสเข้ามาให้บริการร่วมด้วย ส่วนกรณีการย้าย บขส.กลับมาอยู่บริเวณสถานีหมอชิตเก่าที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิตนั้น จะมีการใช้วงเงินลงทุนที่สูงมาก อีกทั้งเอกชนยังไม่มีความชัดเจนแผนในการลงทุนและเริ่มดำเนินการก่อสร้าง