วันที่ 23 ส.ค.65 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย โพสต์ผ่านเพจ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า...
ผู้ป่วยบางคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดส และได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว และเคยติดเชื้อไวรัสโควิดทางธรรมชาติ คนกลุ่มนี้สามารถติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำแล้วซ้ำอีก และป่วยหนักได้
ยกตัวอย่างผู้ป่วยอายุ 67 ปี หลังจากได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม และกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ติดเชื้อไวรัสโควิด 2 ครั้ง ภายในเวลา 19 วัน หลังติดเชื้อครั้งที่ 2 ตรวจเลือดระดับแอนติบอดีในเลือดต่อโปรตีนส่วนที่เป็นหนาม SARS-CoV2 IgG (Anti Spike) พบเพียง 8 AU/ml ซึ่งต่ำมาก เพราะผู้ป่วยรายนี้เคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและได้ยา rituximab ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ยา rituximab มีผลทำให้เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ชนิดบีเซลล์ซึ่งสร้างแอนติบอดีลดจำนวนลง
ผู้ป่วยได้ Evusheld แอนติบอดีสำเร็จรูป ออกฤทธิ์ยาว Long Acting Antibody ซึ่งประกอบด้วยแอนติบอดี 2 ชนิดได้แก่ Tixagevimab และ Cilgavimab ฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพกขวาและซ้ายข้างละ 1.5 มล. ไม่มีผลข้างเคียงจากยา หลังฉีด 2 วันตรวจเลือดระดับแอนติบอดีในเลือดต่อโปรตีนส่วนที่เป็นหนาม SARS-CoV2 IgG (Anti Spike) ระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิดขึ้นสูงถึง 10,927 AU/ml
ยา Evusheld อยู่ได้นานในเลือดถึง 6 เดือน สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบมีอาการได้ร้อยละ 83 ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ Evusheld ได้แก่ ผู้ป่วยล้างไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ที่กินยากดภูมิ กินเสตียรอยด์ขนาดสูงๆ และผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต้านตนเอง (autoimmune diseases) พิจารณาฉีดให้กับคนกลุ่มนี้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดอย่างน้อย 3 เข็มแล้วตรวจวัดภูมิคุ้มกันระดับแอนติบอดี IgGในเลือดต่อโปรตีนส่วนที่เป็นหนามไม่ขึ้น อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัม