วันที่ 21 ส.ค. 2565 เวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากอิทธิพลของพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น โดยเฉพาะพื้นที่ บ.บึงอีเฒ่า ม.5 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่ขณะนี้พบว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวต่างกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก หลังหอยเชอรี่กำลังระบาดกัดกินต้นข้าว ของเกษตรกร โดยเฉพาะต้นอ่อนที่เพิ่งปักดำหรืองอกขึ้นมาใหม่หลังหว่านเสร็จ โดยเบื้องต้นพบความเสียหายไปแล้วหลาย 10 ไร่  ขณะที่ชาวนาบางคนได้ซื้อสารเคมีมากำจัดแต่ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้เนื่องจากฝนที่ตกลงได้ชะล้างสารเคมีให้เจือจางลง

นายทองใบ สุวรรณสม อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.5 บ้านบึงอีเฒ่า ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ชาวนาที่ ต.ศิลา ต้องประสบปัญหาหอยเชอรี่ทุกปี ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีการซื้อสารเคมีตามที่มีผู้แนะนำมาทำการกำจัดหอยเชอรี่แต่ก็ไม่สามารถที่ยับยั้งการระบาดได้ ขณะนี้ทำได้เพียงการเก็บหอยที่มีอยู่ในนาข้าวเพื่อไปทำลายเท่านั้น

"เมื่อก่อนคนอีสานจะกินทุกอย่าง กบ,เขียดนา, ปูนา แม้กระทั่งหอยเชอรี่ก็ไม่เว้น แต่ระยะหลัง กินไม่ไหว เพราะตามแปลงนามีการฉีดพ่นสารเคมี ทุกอย่างมีการปนเปื้อนทำให้หอยเชอรี่เจริญเติบโตในจำนวนที่มากขึ้นและ กัดกินต้นข้าวจนเสียหายหลาย 10 ไร่ ขณะเดียวกันระยะนี้ เกษตรกรก็เริ่มเข้าใจว่า ฝูงนกปากห่าง ที่บินมากินอาหารตามทุ่งนาจะมาช่วยเกษตรกรกำจัดหอยเชอรี่ ปูนา ที่กัดกินต้นข้าว ซึ่งการมาของฝูงนกปากห่างเป็นผลดี แต่ปีนี้ปุ๋ยแพง ยาแพง ซึ่งก็อยากให้ราคาข้าวสูงขึ้นตามไปด้วย"

นายทองใบ กล่าวต่ออีกว่า ถ้าปีนี้ราคาข้าวได้กิโลกรัมละ 10 บาท จะดีมาก ถ้าได้ 5-7 บาท แบบทุกปีที่ผ่านมาก็ไม่คุ้มและปีนี้ค่ารถเกี่ยวข้าวก็แพงขึ้นอีก หากได้ราคาเดิมการทำนาปีนี้ขาดทุนแน่นอน แต่ก็ต้องทำดีกว่าปล่อยที่นาทิ้งไว้เปล่าๆ เพื่อพอให้มีข้าวกินโดยที่ไม่ต้องไปซื้อข้าวกิน