ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยเลยทีเดียว เมื่อ “น้องแพร - นางสาวมัญญสิริ โชติบูรณ์วงศ์” เยาวชนคนเก่งวัย17 ปี นักเรียนชั้นเกรด 12 โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา จัดทำโครงการ “HER” ที่เริ่มต้นจากโครงการของเยาวชนไทย สู่รางวัลระดับโลก “ Diana Award” ด้วยแนวคิด ออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยแบบผ้า ที่สามารถช่วยเหลือผู้หญิงที่ขาดแคลนผลิตภัณฑ์ประจำเดือนได้ในระยะยาว เป็นโครงการที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีการพัฒนาอยู่ตลอดเพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงผู้หญิงให้มากที่สุด นอกจากโครงการ “HER” แล้ว น้องแพร ยังได้รับรางวัลชมเชยในการแข่งขันโอลิมปิกปรัชญาที่ประเทศโปรตุเกส อีกด้วย เรียกว่าเก่งครบเครื่องเลยจริงๆ
โดย น้องแพร มัญญสิริ เผยถึงจุดเริ่มต้น โครงการ “HER” เกิดมาจากที่ตนเองมีปัญหาเรื่องประจำเดือน โครงการนี้เธอเป็นผู้ก่อตั้ง และรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนมีความเห็นตรงกัน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผู้หญิงที่ขาดแคลนผ้าอนามัย จึงมีแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์แบบผ้า เป็นวิธีการที่เราจะสามารถช่วยเหลือผู้หญิงที่ขาดแคลนผลิตภัณฑ์ประจำเดือนได้ในระยะยาว
“ที่มาที่ไปเกิดจาก แพรมีปัญหาเรื่องประจำเดือนที่ขาดหายไป 8 เดือน และได้มีการพูดคุยกับเพื่อนๆ ทราบว่ามีผู้หญิงหลายคนที่มีปัญหามากกว่าเราอีก อย่างปัญหาเรื่องขาดแคลนผ้าอนามัย แพรเลยมีแรงบันใจ ก่อตั้งโครงการ “HER” นี้ขึ้นมารวบรวมเพื่อนๆหลายๆคน ระดมทุนดีไซน์สร้างผ้าอนามัยแบบผ้าของเราเอง และนำไปบริจาคให้กับผู้หญิง และเด็กนักเรียนที่เค้าขาดแคลนผ้าอนามัย นอกจากนี้ยังทำอีเว้นท์และพูดคุยเรื่องปัญหาประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติ และอยากผลักดันความคิดให้พูดถึงเรื่องนี้อย่างไม่อายใคร และแพรกับเพื่อน มีการทำ รีเซิร์ช เกี่ยวกับแบรนด์ผ้าอนามัยแบบผ้าต่าง ๆ ตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี อะไรเป็น จุดอ่อน อะไรเป็นจุดแข็ง ของผลิตภัณฑ์ มีวัสดุ อะไรที่มันสามารถซึมซับน้ำได้ดี เราก็ไปทำ รีเซิร์ช เกี่ยวกับวัสดุ ที่ทำจากสาหร่าย ที่ทำมาจากเปลือกแอปเปิ้ลก็มี มีทำมาจากผักตบชวาก็มี มีทำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ก็มีหามาแล้ว สุดท้ายเราก็เลยมาลงเอยที่ผ้าสาลูแล้วก็มีการทดลอง ตัวเม็ดซึมซับของที่ทำจากชานอ้อย เราจะทำเลเยอร์ 4 เลเยอร์ตรงกลาง แล้วก็เลเยอร์บน แล้วก็เลเยอร์ล่าง แล้วก็มีการดีไซน์ อยากทำปลอกที่เอาไว้สอดผ้าอนามัยเข้าไป เรามีการพัฒนาและนำมาปรับปรุงอยู่ตลอด”
น้องแพรเล่าถึงความรู้สึกที่โครงการ “HER” ได้รับรางวัล Diana Award เป็นรางวัลที่อยู่ในนามเจ้าหญิงไดอาน่าของประเทศอังกฤษ ซึ่งรางวัล Diana Award จะมอบให้เยาวชนอายุ 9 – 25 ปี
“ได้รับรางวัล Diana Award รู้สึกดีใจมากค่ะ ตื่นเต้นมากๆค่ะ รู้สึกขอบคุณ นอกจากดีใจแล้วเรารู้สึกว่า หนึ่งเลยทำให้เราเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีความหมาย ต่อหลายๆชีวิต สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงในสังคมของเรา การได้รับรางวัลนี้สิ่งที่ได้รับรางวัลสามารถไปต่อได้ นอกจากความสุขนั้น อยากขอบคุณทีมงานและเพื่อนๆทุกๆคน พาร์ทเนอร์ทุกคนที่คอยสนับสนุนพวกเรา ที่ทำให้เราช่วยเหลือผู้หญิงได้มากมายขนาดนี้ สุดท้ายมันเป็นกำลังใจให้ her ได้ไปช่วยเหลือผู้หญิงมากไปกว่านี้อีกค่ะ”
“ความเป็นมาของรางวัลนี้ เป็นรางวัลที่มอบในนามของเจ้าหญิงไดอาน่า เป็นมูลนิธิไดอาน่าโดยเฉพาะ แล้วก็รางวัลนี้เขาจะตัดสินเยาวชนจาก 5 เกณฑ์ด้วยกัน ซึ่งเกณฑ์แรกจะเป็นเกณฑ์ Vision คือว่าเราจะทำไมเราถึงสร้างโครงการของเราขึ้นมา จะมี Social Impact คือเราช่วยเหลือคนไปมากขนาดไหน เรามี Impact ต่อสังคมขนาดไหน มี Service Journey คือหลังจากที่เราทำโครงการเหล่านี้แล้ว เราได้เรียนรู้อะไร นอกจากเราได้เปลี่ยนแปลงสังคมแล้ว มันเปลี่ยนตัวเราให้ดีขึ้นอย่างไร มีแรงบันดาลใจ ให้กับผู้อื่นอย่างไร สุดท้ายแล้ว คือเราเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่เป็นผู้นำในกลุ่มไหน เราเป็นผู้นำอย่างไร อาจจะแบบมีทีมที่คอยซัพพอร์ตเรา แล้วซึ่งเราก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี แล้วก็คอยนำพวกเขาในการที่จะทำโครงการนี้ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จค่ะ”
นอกจากโครงการ “HER” แล้ว น้องแพร ยังได้รับรางวัลชมเชยในการแข่งขันโอลิมปิกปรัชญาที่ประเทศโปรตุเกส อีกด้วย โดยน้องแพรเผยว่า “แพรเป็นตัวแทนไปแข่งขันที่โปรตุเกสค่ะ มีการคัดเลือกในประเทศไทย 2 คน แพรได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่วิเศษมากๆ เราได้มากกว่าคู่แข่ง คือเราได้เจอเพื่อน ๆ จากหลายประเทศ จาก 46 ประเทศด้วยกัน ซึ่งพวกเขาก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้นเลย บางคนเขาถูกเลือกมาจากเป็นพัน ๆ คนเลย พวกเขาก็คือเก่งที่สุดจากพันคนเลย ซึ่งเราก็โชคดีมาก ๆ ที่ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ ณ จุด ๆ นั้น ที่เราสามารถได้คุยกับพวกเขา ได้ทำความรู้จักพวกเขา เป็นเพื่อนกับพวกเขา ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเกี่ยวกับประเทศของกันและกัน ปรัชญาสามารถเข้ามาใช้ในสังคมไทยเราได้ เราอาจจะสามารถสร้างสังคมที่ตั้งคำถาม สามารถตั้งคำถามได้มากขึ้น นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่เราไม่มีการสอบปรัชญาในโรงเรียนของเรา แต่ว่าถามว่าเราสอนได้ไหม เราก็จำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่พร้อมก่อน ที่จะสอนปรัชญา เพราะปรัชญามันไม่ใช่แค่การสอนธรรมะ มันคือการสอนมันเป็นคล้าย ๆ วิชาวิทยาศาสตร์ เป็นแขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการตั้งคำถามแต่มันก็คือการที่เราจะต้องหาข้อมูล มีข้อมูลของนักปรัชญาหลายคน มาซัพพอร์ตความคิดเห็นของเรา ซึ่งความคิดเห็นของเรามันสามารถแตกต่างไปจากใครก็ได้เป็นความคิดเห็นของเราเองก็ได้ เรื่องปรัชญาไม่ใช่เรื่องไกลตัว อยากจะฝากถึงเยาวชนทุกๆคน เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมของตัวเองได้ แค่เราเชื่อในสิ่งที่เราอยากจะผลักดัน เราต้องหาว่าทำไมเราอยากทำสิ่งสิ่งนี้ และเราลองเดินก้าวออกมาจากจุดที่เราคุ้นชิน เดินออกมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ตัวเองแต่เพื่อคนอื่นๆ แค่นี้เราก็สามารถช่วยเหลือคนและสร้างการเปลี่ยนไปได้แล้วค่ะ”