วันที่ 17 ส.ค.65 นางสาววรรณา มาตรักษา อายุ 36 ปี อยู่ ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมด้วยสมาชิกและตัวแทนสมาชิก เครือข่ายกลุ่มสัจจะออมทรัพย์เพื่อพัฒนาวิถีชีวิตชุมชนตำบลเขาคราม ม.2 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ 10 กว่าคน ที่ได้รับความเสียหาย ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับพนักงานสอบสวนสภ.อ่าวนาง เพราะว่า ไม่สามารถเบิกถอนเงินที่ฝากไว้กับเครือข่ายกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ฯได้ มีสมาชิกที่ได้รับความเสียหาย จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ราย วงเงินมูลค่ากว่า 1,300,000 บาท โดยมี พ.ต.ท.วรยุทธ ฟ่องสุทธิพิทักษ์ สว.(สอบสวน) สภ.อ่าวนาง ร.ต.อ.ณกรณ์ ชาติภัย รองสว.(สอบสวน) เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมให้คำแนะนำผู้เสียหายรวบรวมรวมรายชื่อ และเอกสารหลักฐาน เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย
นางสาวรรณา กล่าวว่า ตนและคนในครอบครัวได้เป็นสมาชิกเครือข่ายกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ฯมานานกว่า 20 ปีแล้ว ได้ฝากเงินไว้กับกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ฯ จำนวน 60,000 กว่าบาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการกู้และผ่อนชำระมาโดยตลอด ในช่วงแรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อประมาณวันที่ 4 เม.ย.65 ที่ผ่านมา ตนได้ไปขอถอนเงิน ที่สำนักงาน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.เขาคราม แต่ประธานกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ฯ บอกว่าไม่สามารถถอนได้ เนื่องจากทางกลุ่มมีปัญหาด้านการบริหารงาน และตอนนี้ไม่มีเงินที่จะให้สมาชิกเบิกถอนด้วย ประธานกลุ่ม อ้างว่า สาเหตุที่ถอนไม่ได้ เนื่องจากสมาชิกหลายรายที่กู้เงินไปแล้วไม่ผ่อนชำระ ทำให้วงเงินไม่พอ ซึ่งตนไม่เชื่อว่า มาจากสาเหตุดังกล่าวเพียงอย่างเดียว เนื่องกลุ่มสัจจะออมทรัพย์มีเงินออมอยู่จำนวนกว่า 13 ล้านบาท สมาชิกหลายคนก็ฝากเงินออมไว้อย่างเดียวไม่ได้กู้หรือถอนเงินออกมาแต่อย่างใด สมาชิกบางคนมีเงินฝากอยู่จำนวนกว่า1.5 แสนบาท แต่ไม่สามรถเบิกถอนได้
นางสาววรรณา กล่าวอีกว่า กลุ่มสัจจะออมทรัพย์มีสมาชิกกว่า 100 ราย ตอนนี้มีสมาชิก ที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวนมากกว่า 70 ราย ที่ต้องการจะถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนได้ วงเงินประมาณ 1,300,000 บาท ที่ผ่านมา ทางผู้ใหญ่บ้านได้ประสานอำเภอได้มาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อให้ประธานกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ฯ และกรรมการ หาทางแก้ปัญหาให้กับสมาชิก โดยได้ข้อสรุปว่า ให้ประธานกลุ่มฯ และกรรมการ รวม 8 คน นำเงินมาคืนให้กับสมาชิก ที่มีเงินฝากอยู่ให้ได้ แต่ระยะเวลาล่วงมานานกว่า 1 เดือน ก็ไม่มีการจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิกแต่อย่างใด ทางประธานกลุ่มฯ ก็ไม่ชี้แจงให้สมาชิกได้รับทราบถึงสาเหตุ แถมยังซ้ำเติมอีกว่า ถ้าหากสามชิกอยากได้เงินคืน ก็ให้ไปฟ้องเอาเอง ตนและสมาชิกจึงได้เดินทางมาแจ้งความ เนื่องจากตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หนี้สินก็ไม่ได้ใช้ งานก็ไม่มี จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
ด้านพ.ต.ท.วรยุทธ ฟ่องสุทธิพิทักษ์ สว.(สอบสวน) สภ.อ่าวนาง เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นให้ผู้เสียหายรวบรวมรายชื่อ เอกสารหลักฐาน และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน จะทยอยสอบปากคำ ผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมพยายานหลักฐาน ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากความเสียจำนวนมากและผู้เสียหายจำนวนหลายคน และเพื่อให้ทราบถึงรูปแบบการดำเนินกิจการดังกล่าวตลอดถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าในการดำเนินกิจการนั้น กรรมการ ไม่เคยเรียกประชุมขี้แจง และไม่เคยแสดงผลการดำเนินกิจการให้สมาชิกได้รับรู้เลย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งทำการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าการดำเนินการของกลุ่มดังกล่าว เข้าข่ายสหกรณ์หรือไม่ โดยจะเรียกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจ้งพร้อมนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดง เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการดังกล่าวต่อไป