วันนี้(17 ส.ค.65)  นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ  ผู้ว่ากางเทพมหานคร ได้ไลฟ์สดระหว่างประชุมการแก้ไขปัญหาจราจรกรุงเทพมหานครว่า  วันนี้ได้มาคุยเรื่องจราจรร่วมกัน  ซึ่งสำนักจราจรในกทม. เราเป็นหนึ่งใน 37 หน่วยงานในกรุงเทพ  โดยที่ผ่านมาได้คุยกับพล.ต.ต. จีรสันต์  แก้วแสงเอก รองผบช.น. และโฆษกบช.น. มาหลายรอบแล้ว   เรามีความคิดที่จะนำการใช้เทคโนโลยี มาใช้กับการแก้ไขปัญหาจราจร  โดยเราจะมีการทำงบประมาณขึ้นและมาทำการศึกษา  ซึ่งคงจะต้องแก้ไขอย่างจริง  ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้สัญญาไฟจราจร ต่างคนต่างกด  ไม่ได้บูรณาการร่วมกัน   ซึ่งเราคงจะต้องมีการลงทุนในเรื่องอุปกรณ์  ซี่งก็มีหลายรูปแบบ  อาจจะดึงเอาหน่วยงานรัฐมาร่วมด้วย     และจะต้องมีเงินทุนมาทำระบบ  ซึ่งขณะนี้กทม.ได้วางไว้อยู่ในนโยบายอยู่แล้ว  
                
               

 โดยระยะต่อไปนี้  เราจะแก้ไขปัญหาจราจรอย่างจริงจัง  หลังจากได้มีการดูแลแก้ไขวางระบบแก้ไขความปลอดภัยในผับบาร์ไปแล้ว  และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นถังดับเพลิงที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน หรือการติดตั้งสัญญาณเตือนภัย หรือสัญญาณไฟให้ชัดเจนรัดกุมขึ้น  
               

 ทั้งนี้นายชัชชาติ กล่าวว่า ในต้นเดือนหน้านี้ถ้ามีรถส่งของ จอดในที่ห้ามจอด ตามหน้าห้าาง ซึ่งพอจอดแล้ว ทำให้จราจรติดขัด  ซึ่งจุดจอดเหล่านี้ท่านพล.ต.ต.จีรสันต์ได้ส่งข้อมูลมาให้เราแล้ว   ซึ่งระหว่างนี้นายชัชชาติได้แนะนำเจ้าพ่อผู้ดูแลแอป”Traffy  Fondue” ซึ่งที่ผ่านมามีผู้แจ้งมีการจอดผิดจุดเข้ามากว่า 9,000 จุด ซึ่งต่อไปเดือนหน้าเราจะให้ 50 เขตของกทม.เอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำแผนกับตำรวจ และดูแลกำกับอย่างเอาจริงเอาจัง  ถ้าผิดก็ล็อก      ซึ่งดร.บอก  มีจอดผิดจุดผิดกม.9, 000 กว่าจุด  ต่อไป  เราให้50 เขต เอาจุดพวกนี้ไป  ทำแผนกับตำรวจ และดูแลกำกับ เอาจริงเอาจัง  ถ้าผิดล็อคล้อ หรือเอาเทคกิจ เข้าไปกดดัน เพื่อให้จราจรไหลลื่น   ซึ่งต้องช่วยกัน  เช่นห้างฯอาจจะเอารถสาธารณะที่จอดหน้าห้างเข้าไปจอดข้างใน  ซึ่งหลายห้างยังปล่อยให้จอดอยู่   ต้นเดือนหน้าเราจะลุยพร้อมกัน50 เขต  มีการรณงงค์พร้อมกันไปให้มีจิตสำนึก   ล็อคล้อ  ที่มีปัญหา  ต้องช่วยกันรณรงค์ เช่น รถจอดส่งของ  หรือรถจอดหน้าห้างฯ  ซึ่งต่อไปห้างฯอาจเอารถสาธารณะหรือแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารเหล่านี้ เข้าไปจอดข้างใน ซึ่งห้างฯคงจะต้องหาที่หาทางให้   เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้หลายห้างยังปล่อยให้รถจอดหน้าห้างกันอยู่  ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ประชาชนทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพราะให้เจ้าหน้าที่หรือกทม.ทำคนเดียวคงไม่ได้