วันที่ 15 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภาล่มและได้มีการหารือกับพรรคเล็กว่า ขอบคุณ ส.ส.และ ส.ว. ที่เข้าร่วมประชุมจนครบองค์ประชุม แต่เมื่อมีปัญหาก่อนลงมติทำให้สภาล่ม ก็ถือเป็นมติว่ารัฐสภาได้เห็นชอบร่างของคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยประธานสภาจะส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจะมีเวลาประมาณ 10 วันในการพิจารณาก่อนที่จะส่งไปที่นายกรัฐมนตรีอีกประมาณ 5 วัน

นพ.ระวี กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้กลุ่มพรรคเล็กและส.ส. ที่เห็นชอบกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร500 ก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 16 ส.ค.ผู้ที่รับชอบร่างหนังสือส่งศาลรัฐธรรมนูญว่า ระบบหาร100 ผิดรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จ พร้อมกับส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายตรวจสอบ ก่อนที่จะระดมส.ส.และส.ว. ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจะต้องมีจำนวน 75 คนหรือร้อยละ 10 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภา โดยจะเป็นส.ส.หรือ ส.ว.ก็ได้ โดยใช้เวลาสัปดาห์หน้าในการรวบรวมรายชื่อ แต่หากว่าเราหาไม่ได้ครบก็ถือว่าจบ

"วันนี้ถึงแม้สภาจะล่มก็บอกได้เลยว่า สำหรับกลุ่มพรรคเล็ก เรายังยืนยันว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เรายังเหลือครั้งสุดท้ายคือการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้หากเรายื่นไม่ได้ หรือศาลรัฐธรรมนูญตีกลับมาว่าสูตรหาร 100 ถูกรัฐธรรมนูญก็ถือว่าสงครามจบ เราก็ต้องเดินตามกฎหมายไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า" นพ.ระวี กล่าว

เมื่อถามว่า เสียงที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญขณะนี้มีเท่าใด นพ.ระวี กล่าวว่า ยังไม่สามารถที่จะเช็คเสียงได้ว่าจะรวบรวมได้เท่าไหร่ โดยตัวเลขเดิมที่เช็คชื่อไว้มี ส.ส.ร่วมลงชื่อที่ราวๆ 50 คน แต่ขณะนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนที่จะรวบรวมรายละเอียดเนื้อหาเพื่อปรับปรุง 

เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดแล้วจะต้องกลับไปใช้สูตรหาร 100 ในการทางเมืองพรรคเล็กจะทำอย่างไร นพ.ระวี กล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีทางออกไป 3-4 ทาง บางพรรคอาจจะยุบพรรคตัวเองเพื่อไปรวมกับพรรคใหญ่โดยบางพรรคอาจจะสู้ในระบบเขต หรือบางพรรคอาจจะควบรวมกันทั้งที่อยู่ในสภาหรือนอกสภาหรือพรรคเล็กที่อยู่ในสภาควบรวมกันเอง

เมื่อถามว่า การที่สภาล่มครั้งนี้เพราะพรรคใหญ่ 2 พรรคซูเอี๋ยกันใช่หรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าการประชุมล่มจะเป็นความจริง เพราะประธานวิปรัฐบาลได้แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้สั่งให้ส.ส. เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ต้องไปตรวจสอบเพราะในห้องประชุมตนเห็นว่ามีส.ส.พรรคพลังประชารัฐอยู่ 7 คน

"ถ้าไม่เป็นความจริงแล้วสภาล่ม ผมก็สงสารพล.อ.ประวิตรที่อาจไม่ได้อยู่เบื้องหลัง และไม่ได้จับมือกับพรรคเพื่อไทย แต่ท่านต้องรับหอกทั้งจากประชาชน จากสื่อต่างๆ ที่จะพุ่งไปที่พล.อ.ประวิตร" นพ.ระวีกล่าว

เมื่อถามว่า มีการมองว่าพรรคใหญ่จับมือกันเพื่อจัดการพรรคเล็กหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบคำถามนี้ แต่ขอให้ประชาชนมองเอาเอง

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์พรรคเล็กกับพล.อ.ประวิตร หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นพ.ระวี กล่าวว่า ต่อให้มีการร่วมมือกับพรรคใหญ่ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ถึงขั้นที่จะมาทำลายพรรคเล็ก แต่มันเป็นตามกติกา ซึ่งพรรคเล็กยากที่จะรอดได้ แม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ส.ส. กลุ่มพรรคเล็กก็จะไม่ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่อยู่กับพล.อ.ประวิตร ไม่มีเรื่องที่เป็นประเด็นกับอะไรกับพล.อ.ประวิตร 

เมื่อถามว่า รู้สึกเหมือนว่าถูกหลอกหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า "สำหรับผมไม่เลย ผมคิดว่าแต่ละพรรคที่เขาตัดสินใจทำอะไร เขายืนบนผลประโยชน์ของพรรค เมื่อผลประโยชน์ของพรรคใหญ่ขัดแย้งกับพรรคเล็กก็เป็นอำนาจการตัดสินใจของเขาในการเดินเกม เพียงแต่เสียใจว่าการเดินเกมครั้งนี้ ทำให้สภาเสียชื่อเสียง ถูกตำหนิ ซึ่งสังคมไทยใช้ระบบประชาธิปไตยแบบนี้ก็ต้องยอมรับ เป็นประชาธิปไตยแบบธนาธิปไตยที่ใช้เงิน ซึ่งเลือกตั้งครั้งหน้าก็ถือเป็นโชคดีของประชาชน จะมีการผันเงินจากพรรคการเมืองไปยังประชาชนมากยิ่งขึ้น ประชาชนจะเป็นโรบินฮู้ด"

นพ.ระวี กล่าวว่า ทั้งนี้หากมีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นการร่วมมือกันของพรรคใหญ่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนอาจจะเปลี่ยนใจมาเลือกพรรคขนาดกลาง และขนาดเล็ก แทนพรรคพลังประชารัฐ และถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้ไปต่อ พรรคพลังประชารัฐถึงเวลานับถอยหลัง