วันที่ 15 ส.ค.65 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Mana Nimitmongkol ระบุว่า...

ได้เวลากำจัดพวกชอบกินฟรี

กล้ามาก..การที่ผู้ว่าฯ กทม. ออกประกาศแบบเข้มข้น ห้ามข้าราชการรับเลี้ยงรับกินฟรี ห้ามรับของขวัญของกำนัลจากพ่อค้าและชาวบ้าน เพราะไม่มีทางเป็นจริงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นี่คือก้าวสำคัญที่พิสูจน์ถึงบทบาทของ “ผู้นำ..กับการปราบโกง” ที่ทุกองค์กรทำได้และต้องทำ หากยังต้องการพูดกับประชาชนได้เต็มปากว่า ตนเกลียดคอร์รัปชัน

เหตุที่บอกว่าเข้มข้น เพราะมีหลายข้อจริงจังและตรงจุดกว่าที่ทำกันทั่วไปตามกระทรวง รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ จนต่างก็ล้มเหลวในการป้องกันคอร์รัปชัน กล่าวคือ

1. นอกจากกำหนดว่า ข้าราชการต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องไม่ให้ ไม่รับของขวัญของกำนัล ยังเจาะจงอีกว่า “ห้ามรับเลี้ยงรับกินฟรีจากพ่อค้าประชาชน” เพราะที่ผ่านมามีการเลี้ยงดูปูเสื่อกันตามภัตตาคาร ผับ บาร์ สนามกอล์ฟ ซาวน่าและอาบอบนวด

2. กำหนดให้ “ผู้บังคับบัญชา” ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีและรับผิดชอบมิให้เกิดคอร์รัปชันในหน่วยงานของตน เป็นวิธีที่ถูกต้องในการป้องกันคอร์รัปชันที่ต้นตอ คือ “ปัญหาเกิดที่ไหนก็แก้ที่นั่น” และเรื่องนี้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อเดือน มีนาคม 2561 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป

3. ประกาศนี้ไม่มีการชี้ช่องข้อยกเว้น เช่น การให้หรือรับของในช่วงเทศกาล หรือรับได้หากมูลค่าไม่เกิน 3 พันบาทตามเงื่อนไข ป.ป.ช.

4. เผยแพร่เป็นภาษาไทยและอังกฤษพร้อมกัน โดยหวังว่านอกจากข้าราชการและคน กทม. รับรู้แล้ว สื่อมวลชนต่างชาติและชาวต่างชาติทั้งนักธุรกิจ ผู้อยู่อาศัย นักท่องเที่ยว ยังได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกคนจึงรู้สิทธิ์และปกป้องตนเองจากพฤติกรรมชั่วของคนคดโกงได้ (น่าแปลกใจว่า การสื่อสารสองภาษาเช่นนี้ ทำไมหน่วยงานอื่นๆ ไม่ค่อยทำกัน แม้เรื่องสำคัญก็รอให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยสื่อสารให้)

การควบคุมให้ข้าราชการและนักการเมืองทำหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ได้ ไม่เบียดเบียนคนอื่นเช่นนี้ คือนโยบาย No Gift Policy ที่นานาชาติยอมรับและภาคเอกชนชั้นนำของไทยปฏิบัติอยู่ มีกำหนดในแผนปฏิรูปประเทศด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่ไม่เคยมีผู้นำของหน่วยงานใดใส่ใจจริงจังมาก่อน

แน่นอนว่า เมื่อทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาย่อมเกิดประโยชน์กับบ้านเมือง ประชาชนสบายใจ ไม่มีภาระเรื่องส่วยสินบน สังคมเป็นธรรม ส่งผลดีต่อภาพพจน์และทัศนคติต่อประเทศไทย ช่วยยกระดับคะแนนดัชนีคอร์รัปชัน (CPI) และการประเมินความพึงพอใจอื่นๆ ให้ดีขึ้น

“ผู้นำ” ที่มีวิสัยทัศน์ กล้า ชัดเจนและรู้จักใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ไม่ยึดติดอยู่ในกรอบกฎระเบียบราชการและธรรมเนียมปฏิบัติที่ชักช้าล้าสมัย จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน

สุดท้าย มาตรการนี้จะสำเร็จมากน้อย จึงขึ้นอยู่กับว่า พ่อค้าประชาชนจะทำอย่างไรเมื่อพบเห็นข้าราชการและนักการเมืองทำผิด จะตามน้ำหรือต่อต้านร้องเรียนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง..ต้องเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ

ดร. มานะ นิมิตรมงคล

เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

15 สิงหาคม 2565