เมื่อ ส้มเช้ง สามช่า ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ  Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิต พร้อมกับลูกสาวสุดที่รักน้องหยก & น้องคิม  เจ้าตัวได้เผยว่าจริงๆแล้วความฝันที่แท้จริงของตัวเองคือ อยากเป็นนักร้องมากและยังได้เผยอีกว่าจริงๆตัวเองไม่ใช่คนตลกเลย ส่วนในเรื่องความรักตอนนี้ของโฟกัสแต่ลูกสาวเพราะตอนนี้ความรักที่มีไม่สามารถให้ใครได้อีกแล้วนอกจาก น้องหยก & น้องคิม  

พี่ส้มเช้ง เป็นคนตลกที่แบบรู้ตัวว่าต้องเป็นตลกเลยอย่างนี้ไหม
ส้มเช้ง สามช่า : จริงๆแล้วไม่ใช่เป็นคนตลกเลยเป็นคนไม่ชอบพูดด้วยค่ะ เป็นคนแบบเฉยๆเงียบๆนิ่งๆแต่ว่าที่จับผลัดจับผลูมาเป็นคือมันเหมือนทุกอย่างเขาลิขิต เขากำหนดไว้ ถ้าความฝันจริงๆอยากเป็นนักร้อง คือ ตั้งแต่เด็กเลย 9-10 ขวบก็คือเป็นคนที่กล้าแสดงออกกับการร้องเพลง คือ หูจะได้ยินเสียงกล่อมจากระนาด ตะโพน แล้วก็เพลงลูกทุ่งมีประกวดที่ไหนไปเองค่ะ 

แต่ในที่สุดแล้วอยากเป็นนักร้อง แต่อยู่ในวงการลิเกก่อน
ส้มเช้ง สามช่า : ใช่ค่ะ คือจริงๆแล้วที่บ้านพ่อแม่ไม่ได้เป็นลิเก แต่น้าเป็น แต่ว่าที่ทำให้เราได้ยินเสียงเครื่องไฟดนตรีประจำเนี่ย คือ ตาเป็นโต้โผลิเก คือ ณ ตอนนี้ก็เปรียบได้ว่าเหมือนผู้จัดการหลายๆคน คือจับคนนี้ๆมาแล้วมารวมเป็นลิเก แล้วมีเครื่องไฟ แต่ที่สุดคือสมัยก่อนคือจะบอกว่าดนตรีระนาดตาดี ปี่ตาไป่ ระนาดถ้าเป็นของตาดี เครื่องไฟเป็นของตาดีนี่โอ้โฮ … เขามั่นใจเลยว่าเครื่องไฟต้องชัด ต้องดัง ต้องดีถ้าปี่ตาไป่ ไม่ต้องพูดหวานเจี๊ยบเลย ฉะนั้น !! ลิเกทุกคณะถ้าได้เครื่องไฟของตาดี ปี่ตาไป่ไปเขาก็จะประกาศแบบโชว์เลยว่า วันนี้ทุกคนมั่นใจได้เลยว่าเนี่ยเสียงดังฟังชัดแล้วก็มีปี่ตาไป่มาก็ได้ยินเสียงแบบนี้อยู่ตลอดค่ะ ซึม ซึมจนกระทั่งแบบชอบไปเรียนลิเกเลยค่ะ ไปเรียนช่วงเสาร์-อาทิตย์ เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ว่าที่มันได้มันไม่ได้จากเรียนโดยตรง แต่มันได้จากครูพักลักจำที่เราเห็นแล้วเราก็จำ

แล้วรับบทเป็นอะไรเป็นนางเอกหรือเปล่า 
ส้มเช้ง สามช่า : เป็นนางเอกยากมากเพราะว่าพระเอกลิเกตัวเล็ก พอส้มเป็นนางเอกแล้ว ส้มไม่ชอบเพราะว่ามันต้องย่อ พี่ฉอด มันย่อจนเมื่อยขาเพราะว่าพระเอกจะตัวเล็กๆเหมือนกุ้ง เหมือนไชยา อะไรอย่างนี้ค่ะ เมื่อก่อนเป็นลิเกคือจะมีฉายา นางเอกดาวยั่ววัยรุ่นหุ่นดารา อำพันทอง ก้องฟ้า ชื่อไอ้พันธ์ เล่นเป็นดาวยั่วอุ้ย !! สนุก เล่นเป็นนางโจ๊กสนุก ที่มันรู้สึกว่ามันไม่ต้องย่อ ไม่ต้องรำ

แต่นี่ไง นี่คือจุดเริ่มที่เรารู้ตัวว่าเล่นตลกได้ไหม
ส้มเช้ง สามช่า : ไม่นะ มันเป็นอย่างนี้ คุณอั๋น คือ เหมือนว่าเขามีบทมาให้เราแล้วเราก็เล่นตามบท เขาจะมีโคลงให้เราแล้วเราก็เล่นไป เราก็ดูว่าเหมือนละคร ตัวนี้คาแรกเตอร์เป็นอย่างนี้ ฉันต้องเล่นแบบนี้ พอเล่นเป็นนางเจ้าคาแรกเตอร์นางเจ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องเล่นเป็นนางเจ้า วันนี้เป็นนางเอกแม่เราก็ต้องเล่นเป็นนางเอกแม่ตามคาแรกเตอร์ไม่ใช่แบบอยู่ๆเป็นคนตลกเลย ถ้าเป็นคนตลกเลยนี่คือพี่เท่ง เขาช่างคิด เขาช่างสร้างสรรค์ เขาช่างพูดพอเราอยู่ในแวดวงของลิเก 

ความรักครั้งแรกก็อยู่ในคณะลิเก
ส้มเช้ง สามช่า : ในคณะลิเกค่ะ จริงๆแล้วมันเหมือนแบบเด็กคนหนึ่งที่เห็นพระเอกลิเกแล้วก็แบบพระเอกลิเกแต่งตัวหล่อ เขาก็คือพระเอก ร้องเพลงก็ดี ร้องลิเกก็เพราะก็เหมือนว่าซึมซับไปในตัว แต่ถามว่าเหมือนรักเลยไหมก็ประหนึ่งว่าเหมือนรักครั้งแรก แต่ไม่ได้เป็นรักที่แบบฉันอยากแต่งงานกับคนนี้ ฉันอยากได้คนนี้เป็นผัว ไมใช่ เป็นความปลื้มค่ะ 
 

ส้มเช้ง สามช่า : ถ้านิยามของ ส้ม ตอนนี้เหมือนความรักครั้งสุดท้ายเลยค่ะ สี่เดือนท้องแต่ที่ไม่ปกติคือ สามีของเราเริ่มเปลี่ยนไปคุยไปคุยมาเราเพิ่งรู้ว่าคบซ้อน นี่ยังคิดอยู่เลยว่าวันนั้นฉันเป็นเมียหลวงหรือฉันเป็นเมียน้อยก็เลยบอกว่าคุณจะเลือกใครเรารู้สึกว่าเราถือไพ่เหนือกว่าเพราะเรามีลูกสองคนยังไงเขาต้องเลือกเรา เขาบอกว่าเขาเลือกไม่ได้คือความฝันของเรามันพังทลายลงไปหมดแล้ว ฉะนั้นฉันก็อยู่กับคนที่เขาไม่จริงใจกับฉันไม่ได้คนที่ทรยศฉันไม่ได้ก็เลยหอบลูกหนี

ถามเลยวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่คุณแม่บอกว่าโทรหาคุณพ่อสิ
น้องคิม : ซึ่งจริงๆในจิตใต้สำนึกของหนูตอนเด็กๆก็คือรับรู้นะคะ ว่าเขาเลิกกันแล้ว แต่แค่มีความรู้สึกเราก็ผูกพันกับเขาอยากให้เขามานอนด้วยบ้างก็เลยโทรหาเขาว่าแบบป๊ามานอนด้วยได้ไหม

ส้มเช้ง สามช่า : คำแรกคือ โทร.เลยเปิดลำโพงเลยลูก

น้องคิม : ก็โทรไปถามป๊ารักหนูไหม เขาก็บอกว่ารัก แล้วหนูก็ถามว่ารักแม่ไหม

ส้มเช้ง สามช่า : เขาก็แบบพูดเลี่ยงๆไม่ได้บอกว่ารักเขาก็พูดเลี่ยงๆแล้ว คิม ก็ถามเขาต่อว่า

น้องคิม : ป๊ามานอนกับหนูได้ไหมคะ เขาก็บอกว่าป๊าติดงานหนูก็เลยรู้สึกว่า โอเค ไม่เป็นไร

ส้มเช้ง สามช่า : เขาถามบอกว่าถ้าหนูขอให้ป๊ามาอยู่แม่ให้อยู่ไหม คือบอกเลยนาทีนั้น ชั่วโมงนั้น ได้ค่ะ เราอยากเป็นครอบครัวเราก็จะยอมลืมทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีพร้อม และ ตอนนี้เราก็มีพร้อมแล้วเรามีบ้านฐานะเราดีขึ้นเราไม่เดือดร้อนแล้ว เราก็เลยบอกลูกว่าเอางี้โทรเลยลูกให้เขาได้รับรู้จริงๆว่าผู้ชายเขาไม่ได้มา เขาไม่ได้รักเรา เขาไม่ได้สนใจเขาก็จะพูดแบบเลี่ยงๆไปจนกระทั่งแบบ วันนั้นพอวางหูไปน้องคิมร้องไห้หนักมาก คือ ร้องไห้ใน ณ ที่นี่เหมือนเขาขอโทษแม่ว่าเขาไม่น่ามาให้แม่ต่อสายเลยให้ป๊าตอกย้ำความรู้สึกแบบนี้เลย หลังจากวันนั้นเขาไม่เคยพูดถึงเลย หลายๆคนที่เขามาพูดว่าเขาไม่มีพ่อ เขาจะไม่รู้สึกว่าเขาขาดพ่อ

มีคนในโลกใบนี้ที่เขาพร้อมจะเดินเข้ามาพูดแบบนี้ใส่เราโดยที่ไม่ต้องหาเหตุผลอยู่แล้ว
น้องคิม : ใช่ค่ะ จริงๆมีคนพูด คิม รู้สึกว่าคิมผูกพันกับป๊าใช่ไหม แต่คนที่ทำให้ คิม รักป๊าก็คือแม่เพราะแม่เขาก็จะนอนเล่าให้ฟัง
น้องหยก : คิม ผูกพันกับป๊าทางคำพูดจากสิ่งที่แม่เล่า เพราะเขาไม่ได้โตทันที่จะรับรู้อะไรเลย

ถาม แล้วเวลาที่มีคนมาถามแบบนั้นกับเราเรารู้สึกอย่างไร
น้องคิม : ตอนเด็กๆก็คงเสียใจค่ะ แต่พอตอนโตขึ้นมาไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าแม่ทำแทนทุกอย่างได้ดีมากๆเลยค่ะ สำหรับหนู
ส้มเช้ง สามช่า : ภูมิใจ (ยิ้ม) 

ถาม แล้ว น้องหยก รู้สึกอย่างไรกับการเป็นลูกสาวของคุณแม่
น้องหยก : หนูรู้สึกว่าหนูเป็นลูกแม่ที่เป็นลูกแม่คนเดียวอยู่แล้วค่ะ คือถามว่า ณ วันนี้หนูยังรักป๊าไหม ก็ยังรักค่ะเพราะเขาเป็นคนที่ให้กำเนิดหนูมาแต่ว่าความเป็นจริงเราไม่ได้ผูกพันกันขนาดนั้นคือแม่ก็ไม่ทำให้หนูรู้สึกว่าหนูขาดอะไรเลย
ส้มเช้ง สามช่า : ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ อยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดจะไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าขาด อยากได้อะไรก็ได้
น้องหยก : คืออยากกินอะไรก็ได้กิน หนูรู้สึกว่าไม่ขาดอะไรเลยแล้วก็แม่ให้ความรักดูแลดี แต่แม่ก็จะไม่มีเวลาให้แต่ว่ามันเหมือนเราก็เข้าใจไปเองว่าที่แม่ไม่มีเวลาให้แต่เขาให้สิ่งนี้มาตอบแทนเลี้ยงลูกด้วยงอนอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่หมายถึงทางลบขนาดไหน เลี้ยงลูกด้วยเงิน หมายถึงว่ามันก็เอาเงินมาทดแทนได้จริงๆแต่เราก็ไม่เคยขาดความรักและความอบอุ่นจากแม่เลย


สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป 

https://youtu.be/4c7d-zEHznw