ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล

แม้จะเห็นหน้าค่าตาเธออยู่บ่อยๆทางโทรทัศน์ บางครั้งก็เห็นเธอสวมบทบาทนักแสดงบนเวที และบางครั้งเธอก็ไปทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนหรือ “โค้ช” ในรายการ The Voice Kid จนทำให้เราลืมไปว่าอัลบั้มเพลงชุดสุดท้ายของ ปาน-ธนพร แวกประยูร คือ The One and Only ก็ผ่านไปสิบปีแล้ว

ระหว่างทางนั้น ปาน ก็ยังคงใช้เสียงร้องและวิธีตีความเพลงของเธอให้ได้ยินกันอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นละครเพลงหลายๆเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการรับบท เอฟฟี่ ไวท์ ใน Dream Girls The Musical เมื่อปีพ.ศ. 2555 ที่เธอทำได้ดีเหลือเชื่อเพราะนั่นคืองานละครเวทีชิ้นแรกๆ หรือการร้องเพลงรับใช้พระพุทธศาสนาที่เธอยึดถือ ในอัลบั้ม “รวมเพลงธรรมะ” (2563)

วันนี้ ปาน กลับมาแล้ว พร้อมน้ำเสียงคุ้นเคยในสีดนตรีต่างไปจากที่เคยคุ้นในอัลบั้ม “ดอกไม้ที่กลับมา” การร่วมงานจริงจังครั้งแรกของเธอกับ บรรณ สุวรรณโณชิน เจ้าของค่าย ใบชาซอง ผู้มีแนวคิดชัดเจนในการทำงานเพลงแต่ละชุด ไม่เน้นมวลชนและไม่นำคนดังมาขาย แต่เนื้องานออกมาคุณภาพ โดยเฉพาะสายนักร้อง ไม่ว่าชายหรือหญิง

แม้ว่า ปาน จะเป็นนักร้องดังคนแรกของค่าย แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยปรัชญามั่นคงของ ใบชาซอง “ดอกไม้ที่กลับมา” จึงมีสุ้มเสียงมีสำเนียงในแนวทางของค่าย เขาและเธอจูงมือคนฟังย้อนอดีตไปไกลถึงยุคสมัยที่เพลง “ลูกกรุง” เป็นที่นิยมกว้างขวางราวกึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ไล่กันมาตั้งแต่เพลงลูกกรุงแบบฉบับ สุนทราภรณ์ จนถึงเพลงลูกกรุงที่ทันสมัยขึ้นอีกนิดในช่วงทศวรรษ 2520 และเพลงจังหวะสามช่าที่มีกลิ่นลูกทุ่งอ่อนๆ โชยมาแตะจมูกเบาๆ

นอกจาก “รักฝังใจ” และ “ไฟเสน่หา” ที่เขียนโดย ว.วัชญาณ์ กับ “ดวงตาสวรรค์” ของ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ กวีซีไรต์ปี 2535 แล้ว อีกแปดเพลงที่เหลือ (บวกหนึ่งเพลงบรรเลง) เป็นการแต่งของ บรรณ ทั้งสิบเพลงร้องเก่า-ใหม่มาในสีและเสียงที่กลมกลืนทั้งอัลบั้ม มี “ลายเซ็น” ในการใช้ภาษาของ บรรณ แจ่มชัด ภาษาเพลงของเขามีความเก่าปะปนอยู่กับความใหม่ มีอารมณ์ขันสนุกพอดี ขณะเดียวกันอารมณ์โรแมนติคก็มีให้ได้ยิน

ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกแล้วในเรื่องเสียงร้องของผู้หญิงคนนี้ ปาน ทำให้เพลงสีเก่าเหล่านี้มีชีวิตชีวาและตรึงใจ ผ่านการตีความและเปล่งทุกโน้ตให้มีความหมาย เธอทำให้เรายิ้มได้เมื่อฟังเธอใส่อารมณ์ประชดประชันใน “ลงทุนรัก” หรือเพลงอารมณ์ดีสไตล์ เฉลียง ในเพลง “อา26” ที่เล่นกับคำที่ขึ้นว่า “อา” ได้สนุก ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าลึกตามไปด้วยใน “ความเหงาเคล้าความขมขื่น” ทำให้หัวใจอุ่นละมุนใน “เธอเชื่อไหม” และ “คุณจะรักฉัน” ที่ร้องคู่กับ ทวีพร เต็งประทีป ทำให้รู้สึกถึงพลังบวกใน “ได้มีชีวิต” ส่วนเพลงอื่นๆอย่าง “จำเป็นรัก”, “วอลซ์หน้าร้อน” หรือสามเพลงเก่าที่นำมาร้องใหม่ ก็งดงามไม่แพ้กัน บนดนตรีสนับสนุนที่ใส่เข้ามาด้วยความพิถีพิถัน เรียบเรียงละเอียดฟังโปร่งสบาย โดยทีมนักดนตรีฝีมือดี เรียกว่าเป็นงานล้างหูที่แสนจะ “รื่นรมย์” ชุดหนึ่งในรอบหลายปี

กับคนที่เป็นแฟนเก่าแฟนแก่ นี่คืองานที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง และสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากได้ “ต้นแบบ” ทางการร้องเพลง นี่คืองานที่ไม่ควรข้ามผ่าน เพราะกว่าที่ ปาน จะมีงานใหม่เนี้ยบๆแบบนี้อีก ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน

ขอบคุณภาพจาก https://www.baichasong.com/