นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" ระบุว่า...

ยังอีกยาวไกล สำหรับสงครามของเฟดกับเงินเฟ้อ

ยังมีโค้งหักศอก เหวลึก ทางลาดชัน ทางแคบ หลุมบ่อ รออีกพอสมควร

แต่ก็ต้องนับว่า การที่เงินเฟ้อสหรัฐลดลงมาบ้างแล้ว เป็นข่าวดีของสัปดาห์

เป็นก้าวแรกสู่ปกติ

จากที่สูงลิ่ว 9.1%

กลับไปสู่ปกติที่เป็นเป้าหมายของเฟด ที่ประมาณ 2%

ซึ่งถ้าคิดเร็วๆ จากระยะทางรวมทั้งหมด 7.1% ที่เงินเฟ้อสหรัฐต้องลดลงมา

เดือนกรกฏาคมลดลงมา -0.6% มาอยู่ที่ 8.5%

แสดงว่า มาได้ประมาณ 9-10% ของระยะทางทั้งหมดแล้ว

ยังคงเหลืออีก 90% ที่เฟดจะต้องดำเนินการให้ลดลงมาให้ได้

ซึ่งระยะทางดังกล่าว หากจะแบ่งแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 4 ก้าวสำคัญ

ก้าวแรก - เงินเฟ้อเริ่ม peak แล้ว

ในเรื่องนี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกผัน เงินเฟ้อสหรัฐ คง peak แถวๆ นี้

Mission Accomplished !

ก้าวที่สอง - เงินเฟ้อเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ลงมาที่ 5-6%

ท่านประธานเฟดบอกว่า “What we need to see is inflation coming down in a clear and convincing way ... And we’re going to keep pushing until we see that.” เฟดต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงมาอย่างชัดเจน ต่อเนื่อง จนมั่นใจได้ว่าเอาเงินเฟ้ออยู่

ก้าวนี้ไม่ยากเกินไป จากข้อมูลต่างๆ ที่ออกมา

เพราะจะมาจากการที่ราคาน้ำมันโลกลดลง ทำให้ราคาหน้าปั๊ม ราคาค่าขนส่งเดินทาง ราคาไฟฟ้า ลดลง ซึ่งจะช่วยให้ราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องกับพลังงานตรงๆ (Energy Commodities) พลิกกลับจากที่เคย +60% ลดลงมาเหลือ 20% 0% และเริ่มติดลบในช่วงปลายปีนี้ ต้นปีหน้า

ส่วนนี้จะช่วยให้เงินเฟ้อสหรัฐลดลงมาได้ประมาณ 3-4% เนื่องจากหมวดนี้มีสัดส่วนประมาณ 5.6% ของตระกร้าเงินเฟ้อสหรัฐ

ก้าวที่สาม - เงินเฟ้อลดลงมาที่ 3-4%

ก้าวนี้จะยากขึ้นกว่าก้าวที่สอง

เพราะยังคงมีบางองค์ประกอบของเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และยังคงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

- อาหาร +10.9% (YoY) และ +1.1% (MoM)

- ส่วนประกอบอาหาร +13.8% (YoY) และ +2% (MoM)

- นมและเกี่ยวกับนม +14.9 (YoY) และ +1.7% (MoM)

- รถยนต์ใหม่ +10.4% (YoY) และ +0.7% (MoM)

- ที่อยู่อาศัย +5.7% (YoY) และ +0.6% (MoM)

- ค่าเช่าบ้าน +6.3% (YoY) และ +0.7% (MoM)

- ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ +5.1% (YoY) และ +0.5% (MoM)

- ค่าซ่อมรถ +8.1% (YoY) และ +1.1% (MoM)

- ค่าประกันรถ +7.4% (YoY) และ +0.9% (MoM)

ซึ่งเงินเฟ้อในหมวดเหล่านี้ คงต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่กลับไปสู่ปกติ

ยิ่งช่วงปลายปี จะมีการปรับขึ้นเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อชดเชยเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา ต้นทุนของธุรกิจก็จะเพิ่มขึ้น และกดดันให้ราคาสินค้าต่างๆ ยังต้องเพิ่มไปอีกระยะ

นอกจากนี้ ถ้าเศรษฐกิจยังคงไปได้ ตลาดแรงงานเข้มแข็ง (ตามที่ท่านประธานเฟดบอก) ตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกรอบ ก้าวนี้ก็ต้องยิ่งใช้เวลายาวขึ้น

ก้าวที่สี่ - เงินเฟ้อลดจาก 3-4% มาที่ เป้าหมาย 2%

ก้าวนี้จะเป็นก้าวที่ยากที่สุด และจะทำให้เฟดต้องออกแรง ขึ้นดอกเบี้ยไปอีกพอสมควร เพื่อจัดการให้เงินเฟ้อยอมสยบในที่สุด

ที่ว่ายากมาจาก 2 ส่วน

ส่วนหนึ่งมาจากการที่ โค้งสุดท้ายนี้เป็นผลมาจากเงินเฟ้อใน Core Inflation

จะลดลงได้ เศรษฐกิจต้องแผ่วลงพอสมควร

แต่เศรษฐกิจจะแผ่ว ดอกเบี้ยก็ต้องสูงพอควร

อีกส่วนมาจาก การที่เฟดต้องต่อสู้กับความเคยชินของคน

ยิ่งเงินเฟ้อใช้เวลานานขึ้นในสามก้าวแรก ค่อยๆ ลดลงมาจาก 9.1% มาเหลืออยู่ที่ 3-4%

คนก็จะยิ่งเคยชิน คุ้นเคยกับราคาสินค้า ค่าจ้างที่ปรับขึ้นประมาณนี้

ทำให้อีกตัวเลขที่เฟดตามอย่างใกล้ชิดก็คือ Inflation Expectation ปรับเพิ่มขึ้น

จากความเคยชิน ก็จะกลายเป็นความจริง

ทำให้เงินเฟ้อฝังรากลึกในระบบ

เมื่อเงินเฟ้อเริ่มฝังราก การจะเอาเงินเฟ้อลงมาได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะต้องทำให้คนเลิกเคยชินกับการปรับขึ้น ค่าจ้าง ราคาสินค้า

เฟดต้องทำงานหนัก ขึ้นดอกเบี้ยไปพอสมควร

30 ปีที่ผ่านมา เรามีตัวอย่างเรื่องนี้ 2 รอบ

ช่วงปี 2000 และช่วงปี 2005-2006 เงินเฟ้อสหรัฐขึ้นไปประมาณ 4%

เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปสูงสุดที่ 6.5% และ 5.25% ตามลำดับ เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ ก่อนที่เงินเฟ้อจะลดลงมา

รอบนี้ก็คงเช่นกัน ที่คิดกันว่าเงินเฟ้อเริ่มลดแล้ว เฟดขึ้นดอกเบี้ยไปอีกนิด ก็คงจบรอบ คงเป็น wishful thinking เป็นฝันกลางวัน เป็นการมองโลกดีเกินไป !!!

ต่อไป เราจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า เงินเฟ้อจะค่อยๆ ก้าวจาก ก้าวแรก ไปสู่ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่ ต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหน

เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ไปสักเท่าไหร่ จึงจะเอาเงินเฟ้ออยู่

และท้ายที่สุดแล้ว จะต้องใช้ไพ่ตาย Recession มาจัดการกับเงินเฟ้อหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ

ที่ตลาดคาดกันว่าขึ้นไปแค่ 3% กว่า แล้วต้นปีหน้าเฟดก็สามารถลดดอกเบี้ย คงไม่จริง

ไม่น่าแปลกใจ ว่าพอเงินเฟ้อเริ่มลง ตัวแทนเฟดจึงดาหน้ากันออกมาบอกว่า เรายังไม่จบ ยังไว้ใจไม่ได้ ยังต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีก

โดยท่านประธานสาขาเฟดที่มินิอาโพลิส Neel Kashkari บอกว่า The Fed is "far, far away from declaring victory" on inflation" ... and he hasn't "seen anything that changes" the need to raise the Fed's policy rate to 3.9% by year-end and to 4.4% by the end of 2023. เฟดยังอีกห่างไกล ห่างไกลมาก จากการประกาศชัยชนะ และเห็นว่ายังต้องขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนถึง 4.4% ในช่วงปลายปีหน้า เป็นอย่างน้อย !!!

หมายความว่า ตลาดคงต้องเรียนรู้และ Surprise อีกหลายรอบ

หนทางนี้ ยังอีกยาวไกล ครับ