เมื่อวันที่ 10ส.ค.65 รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ ว่า การตีความตามเจตนารมณ์ เป็นหลักการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่เป็นพื้นฐานที่สุดในทุกระบบกฎหมาย การจะค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมายใด ต้องไปค้นหาจากที่มาจากกฎหมายนั้น ซึ่งมักจะถูกบันทึกไว้ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการร่างกฎหมายหรือในบันทึกหลักการและเหตุผลของกฎหมาย แม้ว่าเจตนารมณ์ของผู้ร่างจะไม่ใช่อย่างเดียวกันกับเจตนารมณ์ของกฎหมายเสมอไป แต่เจตนารมณ์ของผู้ร่างที่บันทึกไว้ในรายงานการประชุมย่อมเป็นถือเป็นเบาะแสที่สำคัญที่สุดที่บ่งชี้ถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย

เพราะฉะนั้นการค้นหาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ว่าด้วยวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี จะต้องไปค้นหาจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แม้ว่าในประเด็นนี้ จะมีเพียงประธานที่ประชุม (นายมีชัย ฤชุพันธุ์) และกรรมการบางคนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการตีความไว้ แต่เมื่อกรรมการคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมประชุมไม่ได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านเป็นประการอื่น ย่อมถือได้ว่าที่ประชุมมีความเห็นพ้องต้องกันว่าวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีต้องนับรวมเวลาที่ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ก่อนที่รัฐธรรมนูญจะมีผลใช้บังคับ ซึ่งจะต้องไม่เกิน 8 ปี

นอกจากนี้การตีความให้วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องนับรวมเวลาก่อนที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ยังสอดคล้องกับการตีความตามจารีตประเพณีในทางรัฐธรรมนูญ (หรือหลักกฎหมายทั่วไป) ของระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย จะต้องตีความไปในทางจำกัดอำนาจฝ่ายบริหาร ไม่ให้มีการผูกขาดอำนาจจนกลายเป็นการปกครองในระบอบเผด็จการ นี่เป็นเหตุผลที่รัฐธรรมนูญของรัฐประชาธิปไตยหลายรัฐจำกัดวาระการดำรงแหน่งของหัวหน้าฝ่ายบริหารอย่างเด็ดขาด

หากศาลรัฐธรรมนูญตีความรัฐธรรมนูญตามเจตนารมณ์และตามจารีตประเพณีในทางรัฐธรรมนูญของระบอบประชาธิปไตย ผลของการตีความไม่อาจจะเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565