เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ตามโครงการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม เกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อจัดทำผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ หรือ สลากตัวเลข 3 หลัก (N3) และ สลาก 6 ตัว (L6) ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย หลังเปิดรับฟังไปแล้ว 5 ครั้งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เมื่อประชุมกันไปได้สักระยะ ผู้ค้าที่มาแลกเปลี่ยนมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ทั้งประเด็นการให้สิทธิ์ขายสลากดิจิทัลแบบใบขายก่อนสลากแบบใบ, การตัดสิทธิ์การซื้อ-จอง, การจัดสรรโควตา, การให้สลากผู้ค้ารายละ 5 เล่มน้อยเกินไป และบางกลุ่มก็สนับสนุนการขายสลากแบบดิจิทัล เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้ขายบางส่วนไม่พอใจ ถกเถียง โต้ตอบในห้องประชุมกันอย่างมาก กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าสิบนายต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยจนสุดท้ายก็สามารถดำเนินขั้นตอนต่อไปได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ตัวเลข 3 หลัก และสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก ต้องเข้าใจว่ามีผู้เกี่ยวข้องสูงมาก คนซื้อต้องได้ราคาที่ 80 บาท ส่วนคนขายต้องการสลากจำนวนมาก ต้องการกำไรสูงสุด แล้วก็กลัวว่าหากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ตัว จะมาทำลายอาชีพ บางกลุ่มก็กลัวการมอมเมาสังคม สวนทางกับอีกกลุ่มที่มองว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะมาช่วยดึงเงินจากหวยใต้ดินเข้ามาได้ ดังนั้นจึงต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจุดประสงค์หลักของการออกสลากตัวเลข 3 หลักไม่ได้เข้าไปแข่งกับหวยใต้ดิน แต่เป็นผลพลอยได้ที่จะดึงเงินเข้ามา จึงตั้งราคาสลาก 3 หลักไว้ที่ 50 บาท เพื่อใกล้เคียงกับหวยใต้ดิน และผลตอบแทนแตกต่างจากสลาก 6 หลักแบบเดิมที่สูงกว่า แต่ก็ไม่ขายราคาถูกจนเข้าถึงง่ายแบบใบละ 10-20 บาท จนเป็นการมอมเมา

นอกจากนี้ จากการรับฟังความเห็นทั่วประเทศ ภาพรวมยังไม่มีการต่อต้านสลากตัวเลข 3 หลัก เพียงแค่กังวลเรื่องคนขายหลุดออกจากระบบ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนต้องได้ซื้อสลากในราคา 80 บาท แล้วผลิตภัณฑ์ใหม่คนขายเองก็ไม่ต้องลงเงินก่อนเพื่อนำไปขาย ทั้งยังได้ส่วนแบ่งทันทีในทุกวัน จึงเชื่อว่าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดีมาก

“สลากแบบเลข 3 หลักจะมีการตั้งอัตราการจ่ายจูงใจ ในกรณีเลขที่มีคนซื้อมาก ๆ เงินรางวัลก็ไม่ได้ต่ำจนเกินไป อาจพิจารณาอั้นจำนวนผู้ซื้อด้วยอัตราจูงใจ เช่น ในกรณีขายสลากใบละ 50 บาท ก็ไม่ควรได้เงินรางวัล ต่ำกว่า 50 บาท รวมทั้งยังมีแจ๊คพ็อต 1% ขณะที่ข้อกังวลว่า จะเลือกผู้ค้าอย่างไร มี 2 แนวทางที่จะต้องไปตกผลึกก่อน คือ ให้สิทธิ์รายใหม่เลย หรือ ให้ทั้งคนเก่าและคนใหม่” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า จากเปิดรับฟังความเห็นทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สำนักงานสลากฯ จะนำข้อมูลสรุป เสนอคณะกรรมการผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วเสนอคณะกรรมการสลากในเดือน ก.ย.2565 จากนั้นนำเสนอให้ รมว.การคลังพิจารณา เมื่อเห็นชอบจึงนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากทุกอย่างได้รับการเห็นชอบตามแผนคาดว่าจะได้เห็นสลากผลิตภัณฑ์ใหม่ในต้นปี 2566

“หลังจากนี้สำนักงานสลากฯ จะรวบรวมความคิดเห็น รวมทั้งผลการศึกษาผลกระทบทางสังคมในทุกมิติ ตลอดจนมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณานำเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป” นายธนวรรธน์ กล่าว
สำหรับกรณีของสลากดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่จะเพิ่มจำนวนเป็น 10 ล้านฉบับ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ก.ย.2565 หลังจากนี้จะคงยอดจำนวน 10 ล้านฉบับไว้เป็นเวลา 2-3 งวด ในกรณีที่ไม่สามารถขายได้หมดอย่างรวดเร็ว เพื่อดูผลตอบรับของประชาชนว่าจะเป็นอย่างไร ป้องกันสลากเหลือขายในระบบจนกระทบกับผู้ซื้อ

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 10 ส.ค. สำนักงานสลากฯ จะมีการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายผ่านระบบซื้อ จอง ล่วงหน้า ด้วยวิธีการสุ่มคัดเลือก (Random) รวม 7 หมื่นคน จากผู้ผ่านการคัดกรอง 3 แสนราย ที่ถือบัตรสวัสดิกาแห่งรัฐ โดยหลักจากได้รายชื่อทั้งหมดแล้ว จะเสนอเข้าบอร์ด รับรองในวันที่ 11 ส.ค. และเริ่มใช้สิทธิ์ซื้อ-จอง ได้ตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป