"บิ๊กตู่" โพสต์ข่าวดี "พรบ. ปรับเป็นพินัย" มีผลบังคับใช้ ชี้เป็นส่วนหนึ่งการปฏิรูประบบการกำหนดโทษใหม่ ระบุเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลประชาชนไม่ให้ถูกตีตราว่าเป็น อาชญากร เปลี่ยนการลงโทษ จากการทำผิดทางอาญาที่ไม่รุนแรง ไม่มีโทษถึงจำคุก ให้เป็น โทษปรับทางพินัย

วันที่ 5 ส.ค.65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรึ โพสต์ข่อความบนเหซบุ้นส่วนตัว ว่า วันนี้มีความยินดีที่เราสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้บ้านเมือง ในการดูแลประชาชนตัวเล็กๆ ไม่ให้ถูกตีตราว่าเป็น อาชญากรเพียงเพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเหมือนในอดีต ที่สำคัญถือว่าเป็นการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยอีกด้วย โดยการผลักดัน พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. .... ที่ยึดหลักสากลในการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้เป็นผลสำเร็จ และจะมีผลบังคับใช้หลังจากที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 240 วัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กฎหมายการปรับเป็นพินัยนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบการกำหนดโทษใหม่ ตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ซึ่งตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำการศึกษากฎหมายของต่างประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และโปรตุเกส แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย อีกทั้งเพื่อให้เกิดความรอบคอบ จึงได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น และการสัมมนารับข้อสังเกต จากหน่วยงานของรัฐ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางอีกด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นหัวใจของกฎหมายนี้ ที่ตนถือว่าเป็นการรักษาความเป็นธรรม และเคารพศักดิ์ความเป็นมนุษย์ของทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็คือ การเปลี่ยนการลงโทษ จากการทำผิดทางอาญาที่ไม่รุนแรง ไม่มีโทษถึงจำคุก ให้เป็น โทษปรับทางพินัย ซึ่งเป็นผลดีหลายประการ เช่น 1. ไม่ถูกบันทึกประวัติอาชญากรรม ไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือให้เสียประวัติ เสียชื่อเสียง กระทบต่อหน้าที่การงาน 2. รับโทษปรับอย่างเดียว โดยไม่มีการกักขังระหว่างพิจารณาคดี ไม่ต้องเป็นภาระในการประกันตัว

3. ค่าปรับสามารถผ่อนชำระได้ หรือเลือกทำงานบริการสังคมแทนก็ได้ 4. ศาลอาจพิจารณาลดค่าปรับ หรือเพียงตักเตือนโดยไม่ต้องปรับได้ หากเป็นการทำผิดเพราะความยากจน โดยศาลจะคำนึงถึงพฤติกรรมการกระทำผิดและสถานะทางเศรษฐกิจด้วยเสมอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยิ่งกว่านั้น ในภาพรวมของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ แก้ปัญหาคดีล้นศาล เพราะคดีเล็กน้อยที่ปรับเป็นพินัยแล้ว ก็จะลดภาระในกระบวนการยุติธรรม สามารถใช้เวลากับคดีใหญ่ๆ สำคัญกว่าได้มากขึ้น ก็จะเป็นการขจัดวาทกรรมที่ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรมในทางอ้อมได้อีกด้วย

“ผมเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูปด้านกฎหมายของประเทศ ที่สะท้อนความร่วมมือในการทำงานร่วมกันของรัฐบาลและรัฐสภา ที่มุ่งแก้ไขปัญหาพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความเป็นธรรมสูงสุด และสร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในสังคมไทย ด้วยการชำระสะสางกฎหมายไม่ให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตและการทำมาหากินของประชาชนชาวไทย”นายรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ยกกรณีตัวอย่างความผิดเล็กน้อย ที่จะเปลี่ยนเป็นโทษปรับทางพินัย 
1. ไม่แสดงใบขับขี่ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
2. สูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท 
3. จอดรถขายผลไม้ริมถนนสาธารณะ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
4. เสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษา หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
5. โฆษณาชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในการเล่นแชร์  ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
6. ใช้ยานยนต์บนทางหลวง หรือสะพาน โดยเจตนาหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าธรรมเนียม มีความผิดต้องระวางโทษปรับ เป็นจำนวนสิบเท่าของอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนด
7. ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยแจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ยาสูบกับสินค้าอื่น การให้บริการ หรือสิทธิประโยชน์อื่น แล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
8. นำเข้า หรือนำผ่านซึ่งสิ่งไม่ต้องห้าม โดยไม่มีใบรับรองสุขอนามัยพืชกำกับ และไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
9. นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ กระทำการต้องห้ามในเขตวนอุทยาน โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
10. ชุมนุมโดยไม่แจ้ง ไม่แจ้งก่อนเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
11. ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง จดทะเบียน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบทะเบียน ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
12. สร้างโรงเรือนหรือสิ่งอื่น ปลูกต้นไม้หรือพืชผลในเขตเดินสายไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับไม่เกิน 500 บาท
13. ไม่ส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นเหตุให้เด็กมิได้เรียนในสถานศึกษาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ปรับไม่เกิน 10,000 บาท