เสียงปี่ เสียงกลอง ดังกระหึ่มทั่วทุกสารทิศ  การเมืองกำลังเดินหน้าเข้าสู่โหมดเตรียมตัวเลือกตั้งกันแทบทุกแห่งหน 

พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล มี “พี่น้อง 3ป.” นั่งอยู่หัวแถว แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีการเปิดตัว พรรคการเมืองใหม่  ไปจนถึงนำพรรคเก่ามารีแบรนดิ้งกันใหม่  แต่ล้วนแล้วมีสถานะเป็น “พรรคพันธมิตร” เป็นพรรค เป็นพวกเดียวกันกับ “พลังประชารัฐ”

ไม่ว่าจะเป็น พรรครวมแผ่นดิน ที่มี “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นั่งเป็นหัวหน้าพรรค หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เพิ่งเปิดตัว “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” นั่งหัวหน้าพรรคกันไปหมาดๆ สร้างความฮือฮา เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ล้วนแล้วแต่เป็น แขนขา เป็นแบงก์ที่ถูกแตก แยกออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ ผสมผสานกับ “กลุ่มการเมือง” ที่เป็น “แนวร่วม” กับ “3ป.”

แต่ขณะเดียวกันเมื่อกลับไปยัง “พรรคเพื่อไทย” แล้วกลับพบบรรยากาศที่แตกต่างออกไป อย่างสิ้นเชิง !

การเดินหน้าไปสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้ง แบบแลนด์สไลด์ สำหรับพรรคเพื่อไทย วันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่อง “ยาก” เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเรื่องที่สุดหิน เพราะไม่ว่า สูตรการเลือกตั้งจะออกมามุมไหน ก็อาจไม่ใช่ทางที่พอจะทำให้พรรคเพื่อไทย “ได้เปรียบ” อีกต่อไป

เมื่อในความเป็นจริง พบว่าฐานเสียงหลักๆ ที่เคยทำให้พรรคเพื่อไทย ชนะอย่างถล่มทลายมาแล้ว แต่นั่นคือความสำเร็จในอดีตที่อาจไม่หวนกลับมา ทำให้ความฝัน ความหวังของพรรคเพื่อไทย และเจ้าของพรรคตัวจริงอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ได้สมหวังอีก

โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทย มีความแข็งแกร่งมากที่สุดกำลังเจอ “ฝั่งตรงข้าม” บุกเข้ามาเจาะยางกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่วันนี้เขาเองต้องแสดงศักยภาพ พาสส.ส.ของพรรคเข้าสภาฯ รอบหน้าให้ได้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นจะเท่ากับเป็นการปิดฉากทางการเมืองของพรรคและตัวเองไปทันที

ขณะที่เขตเลือกตั้งภาคกลาง ตะวันออก หรือโดยเฉพาะภาคใต้ ก็ล้วนถูกจับจองจาก “พรรคการเมือง” ทั้งในปีกรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง ไปจนถึง “พรรคหน้าใหม่” ที่แยกสายจากพรรคเพื่อไทย ออกไปทำการเมืองกันเอง อย่าง “พรรคไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานพรรค ที่แน่นอนแล้วว่า ไทยสร้างไทย จะสู้กับพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่แท้จริงแล้ว ย่อมไม่ใช่เพียงแค่การถูกฝั่งตรงข้าม บุกเข้ามาชิงเก้าอี้ส.ส.ในภาคเหนือและภาคอีสาน เท่านั้น แต่กลับอยู่ที่วันนี้พรรคเองยัง “ไร้หัว”  ขาด “แคนดิเดตนายกฯ” ตัวจริง เสียงจริง ชนิดที่จะสามารถ “วัดกำลัง” กับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือแม้แต่ขึ้นมาเปรียบมวยกับหัวหน้าพรรคอื่นๆได้

การมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นั่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหลังจากการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ กลับยังไม่สามารถ “ตอบโจทย์” ให้กับกองเชียร์เดิมที่มีอยู่ หรือกับ “โหวตเตอร์” ในแต่ละรุ่นได้

ยิ่งเมื่อวันนี้ กระแสของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย โดดเด่นในสนามกทม.มากเท่าใด  จนถูกนำไปเปรียบเทียบกับพล.อ.ประยุทธ์ และมีเสียงเชียร์ให้ชัชชาติ เป็นผู้นำรัฐบาล ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อ พรรคเพื่อไทย และตัวแพทองธาร มากขึ้นเท่านั้น

เพราะหมายความว่า พรรคเพื่อไทย ต้องไปสรรหาบุคคลที่มีความพร้อมให้เท่ากับ ชัชชาติ เพื่อมาสู้กับ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่น ซึ่งแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทย ยังไม่มี “ตัวเล่น” ที่โดดเด่นมากพอ

เมื่อจุดอ่อน ของพรรคเพื่อไทย ไม่เพียงแต่ไร้หัว ขาด “ผู้นำตัวจริง” ที่จะขึ้นเวที เปรียบมวยกับคู่ต่อสู้ บวกกับการเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ที่รอวันปะทุให้เห็น เมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามา นั่นคือการไหลออกจากพรรคเพื่อไทย แล้วหันไปเลือกสังกัดพรรคการเมือง พรรคใดก็ตามที่สามารถ ตีตั๋วรอเข้าร่วมขบวนเป็นรัฐบาลรอบหน้า

“จุดอ่อน”  ของพรรคเพื่อไทย จึงมีเพียงจุดเดียว ที่เป็นเหมือน “จุดตาย” !