นครพนม ชวนเที่ยวอันซีนชื่นชมศิลปวัฒนธรรมไทญ้อ ศูนย์วัฒนธรรมวัดคามวาสี ชุมชนบ้านโพน ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ตามรอยวิถีชีวิต ชมความสวยงามศาลาวัดเก่าแก่ หอระฆัง ไม้โบราณ ศาลาการเปรียญศิลปะล้านช้าง อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี กราบไหว้ขอพรพระไม้แกะสลักจากไม้ขนุน ปางห้ามสมุทร อายุกว่า 200 ปี เป็นสิริมงคล 

 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดคามวาสี ชุมชนบ้านโพน ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นับเป็นอีกวัดสำคัญที่มีความน่าสนใจ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงธรรมมะ ตามรอยวัฒนธรรมชนเผ่าไทญ้อ อ.ท่าอุเทน โดยทางชุมชนบ้านบ้านโพน ได้ร่วมกันจัดตั้ง พัฒนาให้วัดคามวาสี เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทญ้อ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของชนเผ่าไทญ้อ ที่มีอายุเก่าแก่มานานกว่า 100 ปี โดยประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาจะได้มีโอกาสชื่นชมความสวยงานเอกลักษณ์การก่อสร้าง ของศาลาการเปรียญไม้เก่าแก่ ที่สร้างจากไม้ทั้งหลัง เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจของสงฆ์ รวมถึงงานประเพณีต่างๆ ซึ่งถือเป็นการก่อสร้างรูปแบบหาดูยากเป็นศิลปะแบบไทญ้อโบราณ ภายในได้ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่แกะสลักจากไม้มงคล คือไม้ขนุนอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ปางห้ามสมุทร เชื่อว่าใครได้มีโอกาสมากราบไหว้ขอพร จะส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรือง บุญกุศลหนุนนำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปไม้ที่หายาก ถือว่ามีที่เดียวใน จ.นครพนม

นอกจากนี้ภายในวัดยังมีการทะนุบำรุงรักษาศาลาการเปรียญหลังเก่าอายุกว่า 100 ปี ที่เป็นการก่อสร้างแบบล้านช้าง เป็นอิฐถือปูน ที่ยังคงเอกลักษณ์ความสวยงามแบบดั้งเดิม ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาชื่นชม ไม่เพียงเท่านี้ยังมีไม้แกะสลักเป็นรางรด หรือฮางฮด ขนาดใหญ่ เป็นการแกะสลักไม้เป็นรูปเศียรพญานาค ผสมผสานกับรูปสิงห์ และสัตว์ในตำนาน ที่มีความสวยงาม ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ประกอบในพิธีศักดิ์สิทธิ์ สรงน้ำพระพุทธรูป รวมถึง สรงน้ำพระภิกษุสงค์ในพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญต่างๆ ที่ยังคงรักษาไว้ให้ลูกหลานเยาวชน รวมถึงประชาชน นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเที่ยวชม ตลอดจนมีการก่อเฮือนไทญ้อ จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีต  การก่อสร้างหอระฆังไม้ เป็นแนวศิลปวัฒนธรรมไทญ้อ ที่หาดูได้ยากเป็นสถานที่เก็บรักษา กองเพล โปงไม้โบราณ รวมถึงระฆัง ที่ใช้ตีเป็นสัญญาณ ในกิจของสงฆ์  แต่มีรูปแบบโบราณที่หาดูยาก ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ไทญ้อจะมีการเก็บรวบรวมสิ่งของมีค่าโบราณ ที่ขุดค้นพบ เป็นหลักฐานเชื่อมโยงของการก่อตั้งหมู่บ้าน กำเนิดชุมชนไทญ้อบ้านโพน ต.โนนตาล ที่อพยพย้ายถิ่นฐานข้ามแม่น้ำโขงมาจาก สปป.ลาว ในอดีต จึงมีการรวบรวมรักษาสิ่งของมีค่าไว้ให้ศึกษาเที่ยวชมความเป็นมา รวมถึงศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดี งาม ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เที่ยวชมศึกษา เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงธรรมมะวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

ด้าน นายสุภวิทย์ พรรณวงศ์ อดีตนายก อบต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับชุมชนบ้านโพน ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นชุมชุนท่องเที่ยวสำคัญของ อ.ท่าอุเทน โดยมีการพัฒนาตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทญ้อ ขึ้น ที่วัดคามวาสี เป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาศึกษาเที่ยวชม จะเป็นแหล่งรวบรวม ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงเอกลักษณ์ ประเพณีของชุมชนไทญ้อ อีกทั้งมีโบราณสถานสำคัญ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ประกอบด้วย ศาลาการเปรียญไม้เก่าทั้งหลัง ที่หาดูยากก่อสร้างแบบศิลปะไทญ้อดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญหลังเก่าที่ยังคงบูรณะรักษาไว้เป็นศาลาศิลปะล้านช้างโบราณ ก่ออิฐถือปูน ที่บ่งบอกถึงความเป็นชาวไทญ้อที่รักษาไว้ให้ ประชาชนนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม รวมถึงจะได้มีโอกาสชื่นชมความสวยงามของหอกอง หอระฆัง แบบโบราณที่หาดูได้ยาก พร้อมศึกษาประวัติความเป็นมาของรางรดหรือฮางฮดที่หาดูยากเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์แบบโบราณที่ยังคงรักษาไว้ ไปจนถึงพิพิธภันฑ์รวบรวมของโบราณประวัติความเป็นมาของชุมชนไทญ้อบ้านโพน และยังมีต้นตาลคู่ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่เกิดคู่กับชุมชนมายาวนาน และยังเป็นเอกลักษณ์ความสวยงามหาดูยาก ฝากเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมศึกษาความเป็นมาของไทญ้อ ถือว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.นครพนม

​​​​​​​ ​​​​​​​