วันที่ 2 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาญัณ  สุดสวาท กำนันตำบลปากตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร พร้อมด้วยนายสุรสิทธิ์  เปรมชัยปราการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลปากตะโก เป็นตัวแทนนำชาวบ้านร้องเรียนถึงความเดือดร้อนเมื่อนายทุนอ้างสิทธิ์และพยายามใช้รถแบคโฮไถบุกรุกเข้ามาในที่เขตร่องน้ำสาธารณะติดป่าชายเลนโดยข่มขู่ไล่ให้ชาวบ้านจำนวน 7 หลังคาเรือนที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนนานหลายสิบปีรื้อถอนออกไป โดยอ้างว่าถ้าไม่ย้ายให้เตรียมรับหมายศาล  จึงตั้งข้อสงสัยว่าพื้นที่ดังกล่าวออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างไร  ทั้งนี้จึงร้องขอความเป็นธรรมให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายว่อง  สุวรรณแย้ม อายุ 70 ปี  นายวัชรินทร์  สุวรรณแย้ม อายุ 44 ปี และนางวิยุดา  หอมแก้ว  อายุ 41 ปี สามพ่อลูก ชาวบ้านในพื้นที่  บอกว่าพื้นที่ป่าชายเลนน้ำเค็มบริเวณดังกล่าวอยู่มาตั้งแต่สมัยทวดต่อมาขายให้ลูกหลานได้เข้ามาอยู่อาศัยกันประมาณ 6-7 หลังจนปัจจุบันจนมีนายทุนเข้ามาซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ติดกับร่องน้ำเค็มท่วมเข้ามาถึงขณะเดียวกันก็รุกเข้ามาในพื้นที่ชาวบ้านจำนวน 7 หลังคาเรือน จึงอยากให้เจ้าของที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 มารังวัดที่จริงแค่ไหนก็ทำไปแต่อย่ามาบุกรุกของชาวบ้านที่อยู่อาศัยกันมาก่อน 

โดยนางวิยุดา  บอกอีกว่า เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าใบจากมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรตามธรรมชาติเมื่อนายทุนมาซื้อก็มักจะไถทำลาย ทวดเคยไปร้องเรียนหน่วยงานเรื่องก็เงียบ จนมามีปัญหากับนายทุนรายใหม่คนปัจจุบันนี้อีก

นายสุรศักดิ์  เปรมชัยปราการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลปากตะโก  เปิดเผยว่า “เกิดเหตุการณ์นายทุนเข้ามาไล่พื้นที่ของชาวบ้าน ที่อยู่กันมานานในพื้นที่ร่องน้ำ โดยนายทุนอ้างสิทธิ์และบอกว่าชาวบ้านรุกเข้ามาในเอกสารสิทธิ์ของเขา ยืนยันว่ามีแต่นายทุนที่มารุกที่ชาวบ้านและนายทุนยังรุกที่ป่าอีกด้วย จึงเป็นตัวแทนชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลปากตะโก เรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน โดยพื้นที่ป่าทั้งหมดบริเวณดังกล่าวมีทั้งหมดจำนวน 4 ไร่ แต่ชาวบ้านอยู่อาศัยมีเพียง 2 ไร่ ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้านกำชับไว้แล้วว่าอย่าบุกรุกเพิ่มซึ่งชาวบ้านเข้าใจดี”

ต่อมานายอนุรักษ์  อุ่นภิรมณ์  ปลัดอำเภอทุ่งตะโก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลตำบลตะโก และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ชุมพร ได้เดิมทางเข้ามาในพื้นที่โดย ผู้ใหญ่บ้าน ได้รายงานต่อปลัดอำเภอทุ่งตะโก ว่านายทุนอ้างสิทธิ์และกล่าวหาว่าชาวบ้านอยู่ในเอกสารสิทธิ์น.ส.3  ทั้งที่จริงแล้วชาวบ้านอยู่ในร่องน้ำธรรมชาติเดิมซึ่งมีความกว้างน้ำท่วมถึงหมด   แม้กระทั่งด้านหลังนายทุนเริ่มถมหมดซ้ำยังไปโกหกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นที่น.ส.3 ทางเจ้าหน้าที่จึงขยับหลักเสาไปให้ก่อนเป็นการชั่วคราว ถ้าตรวจสอบภายหลังว่าไม่ใช่อยู่ในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ก็ต้องย้ายกลับ  

สำหรับพื้นที่ร่องน้ำที่ชาวบ้านปลูกบ้านพักอาศัยนั้นทางเทศบาลออกเลขทะเบียนบ้านให้ โดยมีเงื่อนไขว่าแต่เมื่อไหร่ทางเทศบาลจะขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ร่องน้ำชาวบ้านต้องรื้อถอน ซึ่งเป็นเงื่อนไขกันในสมัยก่อนนั้น จู่ๆนายทุนมาแจ้งให้รื้อถอนถ้าไม่รื้อก็จะเอาคำสั่งศาลมาฟ้องไล่ที่

ขณะที่ นายอนุรักษ์  อุ่นภิรมณ์  ปลัดอำเภอทุ่งตะโก  กล่าวว่า หลังจากนี้ทางเทศบาลตำบลปากตะโกจะยื่นสอบเขตลำรางสาธารณะเพื่อให้ได้แนวเขตชัดเจนหาแนวทางแก้ไขและพร้อมดำเนินการได้เลย  ส่วนมีการข่มขู่กันขึ้นนั้นซึ่งเป็นความผิดทางกฎหมายอยู่แล้ว ผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีทางอาญาได้แต่ต้องดูเป็นกรณีไป

ส่วน น.ส.จิรนันท์  สุขแก้ว ผู้ช่วยพนักงานพิทักษ์ป่า  ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ชุมพร  กล่าวว่า ศูนย์ฯได้เข้ามาทำการปักเสาแนวเขตป่าชายเลนอนุรักษ์ตามมาตรา 18 พ.ร.บ.ทช. โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเจ้าของมายื่นเอกสารสิทธิ์น.ส.3 ก ทางศูนย์ป่าชายเลนต้องมาขยับเสาให้ ขั้นตอนต่อไปทางศูนย์ป่าชายเลนจะทำหนังสือสำนักงานที่ดินสาขาอำเภอสวีเพื่อสอบถามความเป็นมาของเอกสารสิทธิ์ ว่าออกมาถูกต้องหรือไม่ แต่ทั้งนี้เป็นสิทธิ์เจ้าของขอยื่นสอบเขตหรือไม่อย่างไรฯ

สำหรับนางวิสา  จังโล่ง อายุ 56 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เผยขณะนั่งเหลาก้านมะพร้าวแห้งว่า อยู่ในพื้นที่มากว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้ก็อยู่สบาย แต่ตอนนี้คนอ้างเป็นเถ้าแก่เจ้าของที่มารบร้าวจะให้รื้อบ้านย้ายไปอยู่บ้านเช่า คนจนหาเช้ากินค่ำจะมีปัญญาไหนกัน มีรายได้เหลาก้านมะพร้าวขายกิโลละ 10 กว่าบาท กว่าจะได้สักกิโล