เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่ กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พากลุ่มผู้เสียหายกว่า 60 คน เข้าแจ้งความหลังถูก บริษัท แห่งหนึ่ง หลอกลงทุนทำฟาร์มเกษตร ซึ่งโครงการดังกล่าว จะมีประเภทฟาร์มเกษตรให้เลือกลงทุนหลายประเภท เช่น ฟาร์มเห็ด ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ฟาร์มกัญชา และฟาร์มกระท่อม เป็นต้น โดยแต่ละประเภทของการลงทุนจะกำหนดวงเงินลงทุนไว้ มีตั้งแต่ขั้นต่ำหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งแต่ละวงเงินลงทุน จะมีระยะเวลาปันผล และเงินปันผล แตกต่างกัน
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ผู้เสียหายบางรายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหาเงินมาลงทุน แต่กลับถูกโกงหมดตัวไม่มีเงินในการเลี้ยงดูลูก จนคิดจะฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ หนึ่งในคณะกรรมการของฟาร์ม มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนเป็นของตนเอง วันนี้ตนจึงพามาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเข้าข้างตามที่กล่าวอ้าง หากใครกลัวว่าจะไม่สามารถดำเนินคดีได้ ขอให้มาดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน
นอกจากนี้ยังพบว่าทางบริษัทเคยมีการหลอกให้ลงทุนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางบริษัทมีอาชีพคือมิจฉาชีพ ที่คอยหลอกลวงผู้คน หากยังไม่สามารถจับกุมได้ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ผ่านมาอาจจะมีผู้เสียหายที่ต้องจบชีวิตไปโดยที่ตนไม่ทราบ ซึ่งนอกจากตำรวจแล้ว ทางบริษัทยังกล่าวอ้างถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม เป็นถึงนายพล และ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งมีชื่อเสียงหลายคนรู้จัก แต่ตนเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกเช่นเดียวกัน
นางสาวบี ผู้เสียหาย อายุ 27 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยเห็นเพจฟาร์มของดังกล่าว ตั้งแต่ประมาณปี 62 มีการโฆษณาผ่านทางโซเชียล และดูน่าเชื่อถือ เพราะมีการถ่ายรูปฟาร์ม รวมถึงมีกลุ่มคนมีชื่อเสียงหลายคนเคยไปเยี่ยมชมที่ฟาร์ม แต่ในตอนนั้นสามีของตนไม่ยอมให้นำเงินไปลงทุน
กระทั่งเดือนกันยายน ปี 64 สามีของตนเสียชีวิต ตนกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องอยู่กับลูกน้อยวัย 2 เดือน จึงทำให้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 65 ที่ผ่านมา ตัดสินใจนำเงินลงทุนเพาะเลี้ยงเห็ด กับฟาร์มเห็ด ก้อนแรกเป็นเงิน 110,000 บาท เพื่อหวังจะได้รับเงินปันผล จากนั้นก็มีการลงทุนอย่างอื่นอยู่เรื่อยๆ เช่น ลงทุนปลูกกระท่อม
ซึ่งตนจะต้องได้รับเงินปันผลจากการลงทุนเพาะเลี้ยงเห็ดครั้งแรกในวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับตามที่ฟาร์มโฆษณาไว้ บวกกับเริ่มมีผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ไม่ได้รับเงินปันผลมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตนเริ่มเอะใจว่าน่าจะถูกโกง จึงสอบถามไปยังฟาร์มดังกล่าวว่าจะได้รับเงินปันผลจริงหรือไม่ เพราะตนเดือดร้อนมาก ไม่มีเงินเลี้ยงลูก ซึ่งทางฟาร์มก็ยืนยันว่าได้รับแน่นอน และบอกให้รอ แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงิน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าถูกโกงแน่นอน
“ รู้สึกเสียใจมาก เพราะนำเงินที่ลงทุนทั้งหมด 8 แสนบาท ไปลงทุนแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ซึ่งเงินก้อนนี้ เป็นเงินที่พ่อของลูกทิ้งไว้ให้ กลายเป็นเราไม่มีรายได้อะไรแล้วมาโดนโกงอีก รู้สึกท้อมากจนเกือบจะคิดสั้นแล้ว แต่โชคดีที่ดึงสติตัวเองกลับมาทัน “ นางสาวบี กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 แล้ว อยู่ระหว่างเร่งออกหมายจับ โดยตรวจสอบพบว่า มีผู้ต้องหาที่มีประวัติการจดทะเบียนบริษัท จำนวน 3 คน แต่คาดว่าอาจมีมากกว่าในจำนวนนี้ ขณะที่ทรัพย์สินของผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่ามีอยู่ในประเทศแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เบื้องต้น อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ส่วนจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ขอเวลาดำเนินการอีกระยะ
สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน , กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน , และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี